แนวข้อสอบกองทัพเรือ
........................................
แนวข้อสอบภาษาไทย
แนวข้อสอบ การสรุปเหตุผลเชิงตรรกะ
จงเลือกคำที่ถูกต้อง
1. วันนี้อากาศเย็นจัด เพราะลมพัดแรง แต่อากาศไม่เย็น ฉะนั้น
ก. อากาศอบอุ่น ข. อากาศร้อน
ค. ลมพัดไม่แรง ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ค. ลมพัดไม่แรง
จากสมมุติฐานที่ว่า 1. วันนี้อากาศเย็นจัด
2. เพราะลมพัดแรง
เมื่อสรุปว่าอากาศไม่เย็น แสดงว่าลมพัดไม่แรงเป็นลักษณะสมเหตุสมผลเป็นไปได้ที่โจทย์สรุปว่าอากาศไม่เย็น แสดงว่าอากาศไม่อบอุ่นและไม่ร้อน (อากาศไม่ร้อน) เพราะไม่มีในสมมุติฐาน เมื่อลมพัดแรงอากาศก็ต้องเย็นจัด
2. ถ้าวันนี้ฝนตกฉันจะไม่ไปดูหนัง แต่ฝนไม่ตก ฉะนั้น
ก. ฉันจะอยู่บ้าน ข. ฉันจะไปดูหนัง
ค. ฉันจะไม่ไปดูหนัง ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
สมมุติฐานที่ว่า 1. วันนี้ฝนตกฉันจะไม่ไปดูหนัง 2. แต่ฝนไม่ตก
พิจารณาเหตุผลแต่ละข้อ ฉันจะอยู่บ้านในสมุติฐานไม่ระบุว่า ฉันจะอยู่บ้านหรือฉันไม่อยู่บ้านถ้าฝนไม่ตก มีแต่บอกว่าถ้าฝนตกจะไม่ไปดูหนัง แต่ไม่มีสมมุติฐานว่าถ้าฝนไม่ตก ฉันจะไปดูหนังหรือฉันจะไม่ไปดูหนัง
3. ดำสูงกว่าแดง แต่แดงสูงกว่าเขียว ฉะนั้น
ก. ดำสูงกว่าแดง ข. แดงเตี้ยกว่าดำ
ค. เขียวสูงกว่าดำ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ก. ดำสูงกว่าแดง
จากสมมุติฐานที่ว่า 1. ดำสูงกว่าแดง 2. แต่แดงสูงกว่าเขียว
พิจารณาคำตอบ ในเมื่อดำสูงกว่าแดง แต่เขียวต่ำกว่าแดง เพราะแดงต่ำกว่าดำ
สรุปว่าดำสูงกว่าเขียว ดำสูงกว่าแดงอยู่แล้วและแดงก็สูงกว่าเขียว แสดงว่าเขียวเตี้ยที่สุด เตี้ยกว่าดำและแดง และที่สรุปว่า แดงเตี้ยกว่าดำ ก็ไม่ระบุในสมมุติฐานเช่นกัน คำตอบสุดท้าย คือ ดำสูงกว่าเขียวเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
4. คนนับถือศาสนาใดๆ เลย จะเป็นคนเถื่อน สุดานับถือศาสนาอิสลาม ฉะนั้น
ก. สุดาไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ข. สุดานิยมคอมมิวนิสต์
ค. สุดาเป็นคนเถื่อน ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
จากสมมุติฐานที่ว่า 1. คนไม่นับถือศาสนาใดๆ เลยจะเป็นคนเถื่อน
2. สุดานับถือศาสนาอิสลาม
พิจารณาคำตอบแต่ละข้อ สุดาไม่ใช่คอมมิวนิสต์ หรือสุดานิยมคอมมิวนิสต์ ไม่มีระบุในสมมุตติที่ว่าสุดาเป็นคนเถื่อนก็เป็นได้ ผู้ไม่นับถือศาสนาจึงเป็นคนเถื่อนและที่ว่าสุดาไม่ใช้คนเถื่อนก็ไม่ระบุในสมมุติฐานว่าผู้นับถือศาสนาจะไม่ใช่คนเถื่อน สรุปข้อนี้ต้องตอบข้อ ง . คือสรุปแน่นอนไม่ได้
5. คนจีนในเมืองไทยหลายคนร่ำรวย คนร่ำรวยเป็นคนใจบุญ ฉะนั้น
ก. คนร่ำรวยบางคนเป็นคนจีน ข. คนจีนบางคนใจบุญ ฉะนั้น
ค. คนร่ำรวยบางคนใจบุญ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ก. คนร่ำรวยบางคนเป็นคนจีน
จากสมมุติฐานที่ว่า 1. คนจีนในเมืองไทยหลายคนร่ำรวย
2. คนร่ำรวยเป็นคนใจบุญ
แสดงว่าคนจีนบางคนก็ไม่ร่ำรวย ที่ว่าคนร่ำรวยเป็นคนใจบุญ และยังมีคนร่ำรวย บางคนเป็นคนจีน ฉะนั้น สรุปได้ว่าคนจีนที่ร่ำรวยบางคนเป็นคนจีน ซึ่งตรงสมมุติฐานที่ว่าคนจีนในเมืองไทยหลายคนร่ำรวย แต่ไม่ระบุว่าต้องเป็นคนใจบุญทุกคน
6. สัตว์เลือดอุ่นเท่านั้นที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ช้างไม่ใช่สัตว์เลือดอุ่น ฉะนั้น
ก. ช้างเป็นสัตว์บกที่โตที่สุด ข. ช้างเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
ค. ช้างไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
จากสมมุติฐานที่ว่า 1. สัตว์เลือดอุ่นเท่านั้นเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
2. ช้างไม่ใช่สัตว์เลือดอุ่นแต่ในสมมุติฐานไม่ระบุว่าช้างเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม หรือช้างไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมและไม่ได้บอกว่าช้างเป็นสัตว์บกที่โตที่สุด และไม่ได้บอกว่าช้างฉลาดกว่าวัวและสมมุติฐานบอกชัดเจนว่า สัตว์เลือดอุ่นเท่านั้น จึงไม่ได้หมายถึงสัตว์เลือดไม่อุ่น สรุปคำตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได
7. นกทุกชนิดบินได้ กระจอกเทศบินไม่ได้ฉะนั้น
ก. นกกระจอกเทศไม่ใช่นก ข. กระจอกเทศเป็นชื่อนก
ค. เดิมกระจอกเทศบินได้ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
สมมุติฐานระบุไว้ว่า 1. นกทุกชนิดบินได้
2. กระจอกเทศบินไม่ได้
เมื่อพิจารณาจากข้อสรุป ก. นกกระจอกเทศไม่ใช่นก กับข้อ ข . กระจอกเทศเป็นชื่อนก ไม่มีในสมมุติฐาน ถ้าสมมุติฐานบอกว่ากระจอกเทศเป็นนกชนิดหนึ่ง เช่นนี้กระจอกเทศก็จะบินได้ เมื่อเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ ก. ส่วนข้อ ค. ในสรุปนั้นก็ไม่มีบอกไว้ในสมมุติฐาน ดังนั้น จึงสรุปตามข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ ข้อ ง. จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้องข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
8. นกทุกชนิดออกลูกเป็นไข่ก่อน กระจอกเทศออกลูกเป็นไข่เช่นกัน ฉะนั้น
ก. กระจอกเทศเป็นนก ข. กระจอกเทศบินไม่ได้
ค. กระจอกเทศเป็นชื่อนก ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
สมมุติฐานที่ว่า 1. นกทุกชนิดออกลูกเป็นไข่ก่อน
2. กระจอกเทศออกลูกเป็นไข่เช่นกัน
เมื่อพิจารณาข้อสรุปจะได้ดังนี้ ถ้าสมมุติฐานระบุว่ากระจอกเทศเป็นนกชนิดหนึ่ง กระจอกเทศก็ออกลูกเป็นไข่ก่อน ซึ่งจะเป็นไปตามสมมุติฐาน ข้อ ก. ข้อ ข. และข้อ ค. ไม่ระบุชัดในสมมุติฐาน จึงไม่ใช่ข้อสรุปที่ถูกต้อง
9. สัตว์ที่มีปีกทุกชนิดเรียกว่า สัตว์ปีก ไก่มีปีก ฉะนั้น
ก. ไก่เป็นสัตว์เลี้ยง ข. ไก่เป็นสัตว์ปีก
ค. ไก้บินไม่ได้ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ข. ไก่เป็นสัตว์ปีก
สมมุติฐานที่ระบุไว้ว่า 1. สัตว์ที่มีปีกทุกชนิดเรียกว่าสัตว์ปีก
2. ไก่มีปีก
ฉะนั้น จึงสรุปได้ชัดว่าไก่เป็นสัตว์ปีกตามข้อสรุปข้อ ข . ส่วนข้อสรุปข้อ ก. ข้อ ค. และข้อ ง. ไม่จำเป็นต้องใช้ จึงไม่ใช่คำตอบ เพราะไม่ระบุไว้ในสมมุติฐาน ดังนั้น ข้อ ข. จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
10. ถ้ารัฐบาลไม่ขึ้นภาษีฟุ่มเฟือย แดงซื้อโทรทัศน์ แดงไม่ซื้อโทรทัศน์ ฉะนั้น
ก. แดงไม่ซื้อโทรทัศน์เพราะไม่มีเงิน ข. โทรทัศน์ขาดตลาด
ค. รัฐบาลขึ้นภาษีของฟุ่มเฟือย ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ค. รัฐบาลขึ้นภาษีของฟุ่มเฟือย
จากสมมุติฐานที่ระบุไว้ว่า 1. ถ้ารัฐบาลไม่ขึ้นภาษีฟุ่มเฟือย
2. แดงจะซื้อโทรทัศน์ แดงไม่ซื้อโทรทัศน์
จากสมมุติฐานที่สรุปว่า แดงไม่ซื้อโทรทัศน์ก็แสดงชัดว่ารัฐบาลได้ขึ้นภาษีฟุ่มเฟือยเพราะโทรทัศน์เป็นของฟุ่มเฟือย แดงจึงไม่ซื้อโทรทัศน์ สาเหตุจากข้อ ค. ซึ่งสอดคล้องกับข้อสมมุติฐาน ข้อที่ ก. ข้อ ข. และข้อ ง. ไม่ระบุในสมมุติฐาน สรุปข้อ ค. จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
11. มีเลขจำนวนหนึ่ง ซึ่งหารด้วยเลข 3 ลงตัวพอดี ถ้า X หารเลขจำนวนนั้นลงตัว ฉะนั้น
ก. x คือเลข 3 ข. X ทีค่ามากกว่า 3
ค. x มีค่าน้อยกว่า 3 ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
จากสมมุติฐานที่ระบุไว้ว่า 1. มีเลขจำนวนหนึ่ง ซึ่งหารด้วย 3 ลงตัวพอดี
2. ถ้า x หารเลขจำนวนนั้นลงตัว
ข้อสรุป x คือเลข 3 เพราะ x หารเลขจำนวนนั้นลงตัว จึงสอดคล้องกับสมมุติฐานข้อ ก. ส่วนข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
12. เลขสองหลัก หลักหน่วยเป็นเลข 3 หลักสิบเป็นเลขคี่ เมื่อหารด้วย 3 ลงตัวพอดี เลขนั้นคือ
ก. เลข 33 ข. เลข 39
ค. เลข 35 ง. ยังสรุปไม่ได้
ตอบข้อ ก. เลข 33
จากสมมุติฐานที่กำหนดไว้ว่า 1. เลขสองหลัก หลักหน่วยที่กำหนดไว้ว่า
2. หารด้วย 3 ลงตัวพอดี
สรุปข้อ ก. จะเข้ากับหลักเกณฑ์ในสมมุติฐานทั้งสองข้อ ส่วนข้อ ข. และข้อ ง. ไม่เข้าเกณฑ์ตามสมมุติฐาน สรุปข้อ ก. เป็นคำตอบที่ถูก ข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
13. ฉันรักแม่มากกว่าพี่รักแม่ พี่รักแม่มากกว่าน้องเล็กรักแม่ ฉะนั้น
ก. ฉันรักแม่มากกว่าน้องเล็ก ข. พี่รักแม่มากกว่าน้องเล็ก
ค. พี่รักแม่มากกว่าฉัน ง. ยังสรุปไม่ได้
ตอบข้อ ก. ฉันรักแม่มากกว่าน้องเล็ก
จากสมมุติฐานที่ระบุไว้ว่า 1. ฉันรักแม่มากกว่าพี่รักแม่
2. พี่รักแม่มากกว่าน้องเล็กรักแม่
พิจารณาจากข้อสรุปในคำตอบ ข้อ ก. แสดงว่าฉันรักแม่มากกว่าน้องเล็ก เพราะฉันรักแม่มากกว่าพี่รักแม่ เมื่อพี่รักแม่มกกกว่าน้องเล็ก ฉันก็จะรักแม่มากกว่าน้องเล็กด้วย เป็นไปตามสมมุติฐานทั้ง 2 ข้อ ส่วนข้อ ข. ข้อ ค. ไม่สอดคล้องกับสมมุติฐานทั้ง 2 ข้อรวมกัน ส่วนข้อ ง. จึงไม่จำเป็นต้องใช้ สรุปข้อ ก. จึงเป็นคำตอบถูกต้อง ส่วนข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
14. ตอนเช้าฝนตกหนัก อากาศเย็น พอบ่ายอากาศร้อน ฉะนั้น
ก. อากาศเย็นเพราะฝนตก ข. อากาศร้อนเพราะฝนไม่ตก
ค. อากาศเย็นเพราะหน้าหนาว ง. ยังสรุปไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปไม่ได้
จากสมมุติฐานที่กำหนดไว้ว่า 1. ตอนเช้าฝนตกหนักอากาศเย็น
2. พอบ่ายอากาศร้อน
พิจารณาจากข้อสรุปเมื่อฝนตกทำให้อากาศเย็น แต่ตอนบ่ายอากาศร้อน แต่ไม่มีข้อสมมุติฐานอากาศร้อน เพราะฝนไม่ตก ส่วนข้อ ก. ข้อ ข. และข้อ ค. ไม่สอดคล้องกับสมมุติฐานทั้ง 2 ข้อ จึงไม่ใช้คำตอบ สรุปข้อ ง. เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ส่วนข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
15. แดงเรียนเก่งกว่าดำ แต่ดำเรียนเก่งกว่าเขียว ฉะนั้น
ก. ดำเก่งที่สุด ข. เขียวเก่งที่สุด
ค. แดงเก่งกว่าเขียว ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ค. แดงเก่งกว่าเขียว
จากสมมุติฐานที่กำหนดไว้ว่า 1. แดงเรียนเก่งกว่าดำ
2. แต่ดำเรียนเก่งกว่าเขียว
พิจารณาข้อสรุปแดงต้องเรียนเก่งกว่าเขียว เพราะแดงเรียนเก่งกว่าดำและดำเรียนเก่งกว่าเขียว จึงสอดคล้องกับสมมุติฐาน ส่วนข้อ ก. และข้อ ข. ไม่สัมพันธ์ไม่มีในสมมุติฐาน และข้อ ง. ไม่จำเป็นต้องใช้ สรุปข้อ ค. เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
16. มาลีชอบมาลัย มาลัยชอบมะลิ ฉะนั้น
ก. มาลีชอบมะลิ ข. มะลิชอบชอบมาลัย
ค. มาลัยชอบมาลี ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
จากสมมุติฐานที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า 1. มาลีชอบมาลัย
2. มาลัยชอบมะลิ
พิจารณาข้อสรุป ก. ข้อ ข. ข้อ ค. ไม่สอดคล้องกับสมมุติฐานทั้ง 2 ประการ ฉะนั้น จึงสรุปแน่นอนไม่ได้ ดังนั้น ข้อ ง. จึงเป็นคำตอบที่ถูกส่วนข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
17. ชาวนาทุกคนเป็นคนประหยัด นายสีเป็นคนประหยัด ฉะนั้น
ก. นายสีเป็นชาวนา ข. นายสียากจน
ค. นายสีไม่ชอบชีวิตฟุ่มเฟือย ง. ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
จากสมมุติฐานที่กำหนดไว้ว่า 1. ชาวนาทุกคนเป็นคนประหยัด
2. นายสีเป็นคนประหยัด
พิจารณาข้อสรุปได้ดังต่อไปนี้ ถ้าสมมุติฐานข้อ ข. ระบุว่า นาย
18. นักเรียนทุกคนที่ขยันเรียนจะสอบได้ดี นายสมคิดเป็นนักเรียนที่สอบได้ด้วยคนหนึ่ง ฉะนั้น
ก. นายสมคิดขยันเรียน ข. นายสมคิดตั้งใจเรียนปานกลาง
ค. นายสมคิดค่อนข้างขี้เกียจ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
จากสมมุติฐานที่ระบุไว้ว่า 1. นักเรียนทุกคนที่ขยันเรียนจะสอบได้ดี
2. นายสมคิดเป็นนักเรียนที่สอบได้คนที่หนึ่ง
พิจารณาข้อสรุปถ้าสมมุติฐานระบุว่า นายสมคิดขยันเรียน ก็สามารถสรุปได้ว่านายสมคิดสอบได้ดี แต่ตามข้อสรุปข้อ ก. ข้อ ข. และข้อ ค. ไม่ได้อยู่ในสมมุติฐานทั้ง 2 ประการ ข้อนี้จึงสรุปได้ตามข้อ ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
19. คนไทยทุกคนจะต้องนับถือศาสนาพุทธ นายแดงเป็นคนไทยตนหนึ่ง ฉะนั้น นายแดง
ก. ไม่นับถือศาสนาพุทธ ข. นายแดงนับถือศาสนาพุทธ
ค. นายแดงไม่นับถือศาสนา ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ข. นายแดงนับถือศาสนาพุทธ
จากสมมุติฐานระบุไว้ว่า 1. คนไทยทุกคนจะต้องนับถือศาสนาพุทธ
2. นายแดงเป็นคนไทยคนหนึ่ง
พิจารณาข้อสรุปนายแดงจะต้องนับถือศาสนาพุทธด้วย เพราะนายแดงเป็นคนไทย ที่คนไทยทุกคนจะต้องนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานทั้ง 2 ประการส่วนข้อ ข. ข้อ ค. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสอดคล้องกับสมมุติฐานทั้ง 2 ประการ และข้อ ง. ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตอบ เพราะมีคำตอบแล้ว สรุปข้อ ข. เป็นคำตอบที่ถูกต้อง
20. ชาวอาฟริกาทุกคนมีผิว จอห์นเป็นผู้มีผิวสีเหลือง ฉะนั้น
ก. จอห์นเป็นคนอาฟริกา ข. จอห์นไม่ใช่ชาวอาฟริกา
ค. จอห์นเป็นชาวยุโรป ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบข้อ ข. จอห์นไม่ใช่ชาวอาฟริกา
จากสมมุติฐานระบุไว้ว่า 1. ชาวอาฟริกาทุกคนมีผิวดำ
2. จอห์นเป็นผู้มีผิวสีขาวเหลือง
พิจารณาข้อสรุป ถ้าจอห์นเป็นคนผิวดำ จอห์นก็ะต้องเป็นชาวอาฟริกาแต่จอห์นเป็นคนผิวสีขาวเหลือง จึงไม่ใช่ชาวอาฟริกา จึงตรงกับข้อสมมุติฐานจึงเป็นคำตอบที่ถุกต้องตามข้อสรุปข้อ ข. ส่วนข้อ ก. ข้อ ค. ไม่มีส่วนสัมพันธ์กับข้อสมมุติฐานทั้ง 2 ประการจึงไม่ใช่คำตอบ ส่วนข้อ ง. ไม่จำเป็นต้องนำมาใช้ตอบ เพราะมีคำตอบแล้ว สรุปข้อ ข. เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ข้ออื่นไม่ใช่คำตอบ
แนวข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ
STRUCTURE
1. “ Did you do the shopping all right ? Did you get any good meat? ”
“ Now, don’t fuss. I got a good piece off beef, and it wasn’t too expensive
either , ….. these days. ”
a. as the meat price b. as meat prices go
c. that meat costs d. because of the meat price
ตอบ ข้อ b ในที่นี้ prices เป็น N. , price go แปลว่า ราคาสูงขึ้น
2. “The train’s going to stop soon. We must get out immediately.”
“ All right. I’ll get out ….. it stops. ”
a. unless b. until
c. as long as d. as soon as
ตอบ ข้อ d as soon as = ทันที เมื่อใช้ as soon as นำหน้า adv. Clause ที่แสดงเวลาและการกระทำหลังคำแสดงเวลาจะต้องใช้ present simple ประโยคแรกมี immediately อยู่จึงควรใช้ as soon as เพื่อให้ใจความสอดคล้องกัน
3. “Have you ever visited John ? I’ve heard he’s moved to Chiengmai. ”
“ Oh, yes. His house is ….. delightful. ”
a. quite really unbelievable b. quite unbelievable really
c. really quite unbelievable d. really quite unbelievable
ตอบ ข้อ d really ควรอยู่หน้า quite
4. “ I live in Bangkok with my relatives. ”
“Oh, ………. ? ”
a. when did you live there
b. when have you been living there
c. how long have you been living there
d. how many year did you live there
ตอบ ข้อ c how long ใช้กับ present perfect และใช้กับระยะเวลา
5. ….. six cans of beer, Wichai handed his car – keys to one of his friends.
a. Drinking b. To drink
c. Being drunk d. Having drunk
ตอบ ข้อ d V. ที่ขึ้นต้นประโยคจะได้เป็น V. ไม่แท้เสมอ ได้แก่ V. ing ประธานเป็นผู้กระทำ และ V.3 ประธานถูกกระทำ ในที่นี้ประธานเป็นผู้กระทำจึงใช้ V.ing
ในรูป perfect participle สำหรับการกระทำแรกที่เสร็จก่อน
6. Young people should not ….. as a mass ….. on to set right the ills of society for which they are not responsible.
a. consider , to call
b. consider , to be called
c. be considered , to be called
d. be considered , to call
ตอบ ข้อ d to call on = to appeal to เรียกร้อง (คนหนุ่มสาวไม่ควรถูกพิจารณาใน
ฐานะกลุ่มคนที่เรียกร้องให้สภาพสังคมดีขึ้นซึ่งเขาไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ)
7. ….. they knew that their opponents had been playing well recently , they knew that were in for a hard match.
a. Though b. Since
c. However d. Moreover
ตอบ ข้อ b since อาจใช้ในความหมายโดยที่ , เพราะว่าเป็นคำเชื่อ clause ที่แสดง
สาเหตุของการกระทำตามด้วยประโยค
8. Although students use figures of speech quite well when speaking , they seem to have ….. difficulty with them in writing.
a. too b. enough
c. more d. so
ตอบ ข้อ c more เป็นการเปรียบเทียบกับประโยคแรกว่ายากกว่า
9. A financial crisis often has the effect of making many people ….. to more stable and prosperous lands.
a. decide to emigrate b. decided to emigrate
c. to decide to emigrate d. to decide emigrate
ตอบ ข้อ a make + กรรม + infinitive ไม่มี to = กรรมเป็นผู้กระทำ
10. Peter is spending too much time on girls, ….. is not good for his work.
a. who b. which
c. that d. it
ตอบ ข้อ b which แทน spending too much time on girls
11. ….. I have to work to pay for my college tuition, I don’t have time for many social events.
a. Besides b. Because
c. Although d. Even
ตอบ ข้อ b Because นำหน้า adv. Clause แสดงสาเหตุ
12. In ordinary conversation I concentrate my gaze ….. both eyes of the person addressing me.
a. in b. on
c. at d. to
ตอบ ข้อ b concentrate ใช้กับ prep. on แปลว่า จดจ่อ
13. Before the widespread availability of telephones and personal transportation over good roads, handwritten letters, both personal and business, ….. the principal means of communication.
a. to be b. were
c. would be d. having been
ตอบ ข้อ b ประธานเป็นพหูพจน์ คือ both personal and business hand written
Letters และเป็น past simple tense ธรรมดา
14. When some of ….. employees did not go out on ….. strike, there was tension between the striking and nonstriking workers.
a. - , the b. - , -
c. the , the d. the , -
ตอบ ข้อ d some of + the + N. นับไม่ได้และนับได้พหูพจน์ , strike ใช้คู่กับ on โดยไม่
มี article กั้น
15. It has been hypothesized that differences in the behavior of the sexes may be ….. differences in metabolism.
a. due b. up to
c. alike to d. in addition to
ตอบ ข้อ a due to = เพราะ , เนื่องมาจาก
16. There are many inconveniences that you have to put ….. when you go camping.
a. off to b. away from
c. out from d. up with
ตอบ ข้อ d put up with = นำไปด้วย
17. Wilson, you ….. more patient with that customer ; I’m sure that selling him the rocking – horse was quite a possibility.
a. must be b. might be
c. can have been d. should have been
ตอบ ข้อ d should have been more patient = ควรจะมีความอดทนกว่านี้ (ความจริง
เขาไม่มีความอดทน)
18.I think you’d better sort ….. the things you want to keep and the things you want to throw …. Before we leave.
a. out , away b. with , out
c. away , out d. of , away
ตอบ ข้อ a sort out = คัดเลือก , throw away = โยนทิ้ง แต่ throw out = โยนออกไป
19. The announcement that all the flights from Singapore ….. because of the heavy rain …. the waiting passengers.
a. were delayed , was greatly disappointed
b. had delayed , was greatly disappointing
c. were delayed , greatly disappointed
d. were delaying , had greatly been disappointed
ตอบ ข้อ c disappointed เป็น V. แท้ของประธาน the announcement ประโยคหลัก
คือ The announcement greatly disappointed the waiting passengers
ส่วนในอนุประโยคเป็น passive voice จึงใช้ were delayed
20. They prefer that I …..
a. do not serve them about anything alcoholic
b. had not served them anything alcoholic
c. have not served them anything alcoholic
d. not serve them anything alcoholic
ตอบ ข้อ d เป็น present subjunctive รูปการใช้ subject + prefer + that + subject +
V.1 (ไม่มี s) ในที่นี้ละ should¬ Note: propose that , recommend that , suggest that , require that ก็ใช้เช่นเดียวกัน
PART II
EXPRESSION
A. Directions: In each group of sentences below , choose the alternative
that is meaningful and grammatically correct.
21. a. Improve our pronunciation , we should practice.
b. To practice can improve our pronunciation
c. We can improve our pronunciation by practicing;
d. For practice , we can improve our pronunciation.
ตอบ ข้อ c
22. He doesn’t mind coming on Friday but it’s more convenient for him to come on Saturday. This means :
a. He’d prefer Saturday than Friday.
b. He’d rather come on Saturday.
c. He’d better come on Saturday.
d. He’d like coming on Saturday.
ตอบ ข้อ c would rather = อยากจะ
23. a. After working for a long time, he felt tired very much.
b. Feeling so much tired after he worked for a long time.
c. He felt very tired after working for a long time.
d. Working for a long time, he felt much tired.
ตอบ ข้อ c feel เป็น V. ที่ตามด้วย adj. ได้เหมือน V. to be ระหว่าง adj. และ V.
สามารถมี adv. ที่ขยาย adj. มาแทรกได้ very เป็น adv. of degree
(adv. ที่บอกระดับความมากน้อย) จะวางหน้าคำที่มันขยาย คือ tired
24. a. The teacher explained me until I understood the lesson.
b. The lesson was explained until I had understood.
c. The teacher explained the lesson until it had understood.
d. I had not understood the lesson until the teacher explained it.
ตอบ ข้อ d
25. a. Kawi won the first prize ; Panee , the second.
b. Kawi and Panee won the first and second prizes respectfully.
c. Respectively Kawi wond the first prize and the second went to Panee.
d. The first and second prizes were won by Kawi and Panee with respect.
ตอบ ข้อ a
26. a. She does not enjoy both watching TV, going shopping, and reading.
b. She does not enjoy either watching TV, going shopping, or reading.
c. She enjoys neither watching TV, going shopping, or reading.
d. She never enjoys watching TV, going shopping, or reading.
ตอบ ข้อ c neither ใช้กับ N. มากกว่า 2 ขึ้นไปได้
27. a. Working in this room is pleasant.
b. This room is pleasant to work.
c. To work is pleasant in this room
d. It is pleasant by working in this room.
ตอบ ข้อ a
28. a. Except that Mrs. Watson is nearly seventy five, she is in good health.
b. Even though Mrs. Watson is in good health, she is nearly seventy five.
c. However Mrs. Watson is nearly seventy five, she is in good health.
d. Mrs. Watson is nearly seventy five. She is in good health, though.
ตอบ ข้อ d thought = ถึงแม้ว่า , ทั้ง ๆ ที่ + clause สามารถวาง ๆ ไว้ท้ายประโยคได้ถ้าใช้ however แทนที่จะเอา however วางหน้า adj. หรือ adv. ที่มาเน้นอยู่หน้าประธาน
29. a. To increase welfare, to minimize suffering, and to improve education are our goals.
b. It is our goals of increasing welfare, to minimize suffering, and improving
c. Our goals are as follows : (1) increase welfare, (2) to minimize suffering,
and (3) improve education.
d. Our goals are to be like this follows: (1) to increase welfare, (2) to minimize suffering, and
(3) improve education.
ตอบ ข้อ a
30. a. It is possible for him that he will pass the entrance examination.
b. It encourages him that he is possible to pass the entrance examination.
c. The fact that he might pass the entrance examination is encouraged by him.
d. The possibility that he will pass the entrance examination encourages him.
ตอบ ข้อ d
B. Directions : Each of the following is comprised of a set of four
statements. Choose the alternative that shows the best
logical sequence.
แนวข้อสอบคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
1. ข้อใดหมายถึงยุคคอมพิวเตอร์ ยุคที่ 1
ก. ใช้หลอดสูญญากาศ ข. ใช้ทรานซิสเตอร์
ค. คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง และเพื่อใคร ง. ใช้วงจรแบบไอซี
จ. เริ่มพัฒนาเป็น Microprocessor
ตอบ ก. ใช้หลอดสูญญากาศ
2. ข้อใดหมายถึงยุคคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3
ก. ใช้ทรานซิสเตอร์ ข. คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง
ค. ใช้วงจรแบบไอซี ง. เริ่มพัฒนาเป็น Microprocessor
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ใช้ทรานซิสเตอร์
3. Notebook จัดอยู่ในคอมพิวเตอร์ประเภทใด
ก. Server Computer ข. Microcomputer
ค. Super Computer ง. Minicomputer
จ. Mainframe Computer
ตอบ ง. Minicomputer
4. ข้อใดถูกต้อง
ก. มินิคอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพสูง ราคาแพงมาก เช่น การพยากรณ์อากาศ
ข. Desktop Computer คือ คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
ค. Pen Computer เป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้ปากกาเป็นอุปกรณ์ในการบันทึกข้อมูล เขียนข้อมูลบนหน้าจอ
ง. ฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบเป็นตัวเครื่อง ทั้งหน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำ และหน่วยแสดงผล
จ. ถูกทั้งข้อ ค และ ง
ตอบ ง. ฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบเป็นตัวเครื่อง ทั้งหน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำ และหน่วยแสดงผล
5. ข้อใดคือหน้าที่ข้อหน่วยควบคุม (Control Unit)
ก. ทำหน้าที่คำนวณทางคณิศาสตร์
ข. ทำหน้าที่ประมวลผลคำ
ค. ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานคอมพิวเตอร์
ง. ทำหน้าที่ควบคุมการทำการประมวลผล
จ. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ง. ทำหน้าที่ควบคุมการทำการประมวลผล
6. Seconddary Storage หมายถึงข้อใด
ก. หน่วยความจำแบบแรม ข. หน่วยความจำแบบรอม
ค. หน่วยความจำหลัก ง. หน่วยความจำรอง
จ. หน่วยความจำเสมือน
ตอบ ง. หน่วยความจำรอง
7. ข้อใดคือภาษาเครื่อง
ก. Machine Language ข. Assembly Language
ค. BASIC ง. PASCAL
จ. COBOL
ตอบ ก. Machine Language
8. ข้อใดเป็นโปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์เป็นภาษาเครื่อง
ก. Machine Language ข. Assembly Language
ค. BASIC ง. Compiler
จ. COBOL
ตอบ ข. Assembly Language
9. Process หมายถึงข้อใด
ก. ส่วนของโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนั้น
ข. แฟ้มงานต่าง ๆ โดยมีหน้าที่จัดการงานต่าง ๆ
ค. กระบวนการประมวลผล
ง. ทำหน้าที่ดำเนินเพื่อให้บริการ ต่าง ๆ
จ. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก. ส่วนของโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนั้น
10. ระบบปฏิบัติการคืออะไร
ก. โปรแกรมสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นระบบ
ข. ระบบที่ทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์
ค. ระบบที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานเร็วขึ้น
ง. โปรแกรมที่เป็นตัวกลางทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ
จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ข. ระบบที่ทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์
11. ข้อใดหมายถึงระบบมัลติโปรเซสเซอร์ (Multiprocessor Syetem)
ก. ระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ หลาย ๆ เครื่องเข้าด้วยกัน
ข. ระบบที่มีตัวประมวลผลหรือ CPU หลายตัวอยู่ในเครื่องเดียวกันใช้อุปกรณ์ร่วมกัน
ค. เป็นระบบที่เป็นจุดกำเนิดของระบบปฏิบัติการ
ง. ระบบการทำงานเหมือนเครื่องจักร
จ. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก. ระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ หลาย ๆ เครื่องเข้าด้วยกัน
12. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของระบบปฏิบัติการในการการจัดการโปรเซส
ก. สร้างและลบโปรเซสของระบบและของผู้ใช้
ข. การหยุดและทำโปรเซสต่อไป
ค. การจัดเตรียมกลไกสำหรับการติดต่อสื่อสารโปรเซส
ง. การจัดเตรียมกลไกการแก้ไข Deadleck (การล็อก)
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. สร้างและลบโปรเซสของระบบและของผู้ใช้
13. ข้อใดไม่ใช่สถานะของโปรเซส
ก.สถานะทำงาน ข. สถานะพร้อม
ค. สถานะประมวลผล ง. สถานะติดขัด
จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ง. สถานะติดขัด
14. สถานะของโปรเซสที่ครอง CPU คือสถานะใด
ก. Running ข. Ready
ค. Blocked ง. Processing
จ. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
ตอบ ง. Processing
15. โปรเซสที่กำลังรอใช้งานอุปกรณ์ที่ยังไม่ว่าง คือ โปรเซสสถานะใด
ก.Running ข. Ready
ค.Blocked ง. Processing
จ. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
ตอบ จ. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
16. ข้อใดหมายถึงการจัดลำดับงานแบบระยะยาว
ก. เป็นการจัดการทำงานแบบแบทซ์
ข. จะดำเนินงานในสถานะที่พร้อมและให้สามารถทำงานให้ได้มากที่สุด
ค. จัดลำดับงานแบบพื้นฐานที่สุดที่ง่ายที่สุดเพื่อพิจารณาโปรเซสเข้าทำงาน
ง. คล้ายการจัดลำดับงานแบบมาก่อนเข้ารับบริการก่อน
จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ค. จัดลำดับงานแบบพื้นฐานที่สุดที่ง่ายที่สุดเพื่อพิจารณาโปรเซสเข้าทำงาน
17. การจัดลำดับงานแบบเลือกโปรเซสที่ใช้เวลาน้อยที่สุดรับบริการก่อน คือการจัดลำดับงานแบบใด
ก. การจัดลำดับงานแบบหลายลำดับ
ข. การจัดลำดับงานแบบให้งานที่ใช้เวลาน้อยที่สุดทำงานก่อน
ค. การจัดลำดับงานแบบเหลือเวลาน้อยได้รับบริการก่อน
ง. การจัดลำดับงานตามลำดับความสำคัญ
จ. ถูกทั้งข้อ ข และ ค
ตอบ ข. การจัดลำดับงานแบบให้งานที่ใช้เวลาน้อยที่สุดทำงานก่อน
18. ข้อใดคือความหมายของการจัดลำดับงานตามลำดับความสำคัญ
ก. เป็นการจัดการทำงานแบบแบทซ์
ข. จะดำเนินงานในสถานะที่พร้อมและให้สามารถทำงานให้ได้มากที่สุด
ค. จัดลำดับงานแบบพื้นฐานที่สุดที่ง่ายที่สุดเพื่อพิจารณาโปรเซสเข้าทำงาน
ง. โปรเซสที่อยู่ต้นลำดับงานจะมีระดับความสำคัญมากที่สุดมีสิทธิเข้าครองCPU ก่อน
จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ง. โปรเซสที่อยู่ต้นลำดับงานจะมีระดับความสำคัญมากที่สุดมีสิทธิเข้าครองCPU ก่อน
19. ข้อใดไม่ใช่ กระบวนการในการจัดการหน่วยความจำ
ก.การย้ายตำแหน่ง ข. การป้องกันพื้นที่
ค.การใช้พื้นที่ร่วมกัน ง. หน่วยความจำขนาดเล็ก
จ. ถูกทั้งข้อ ก ข และ ค
ตอบ ข. การป้องกันพื้นที่
20. เหตุใดจึงต้องมีการย้ายตำแหน่งของโปรเซส
ก. เพื่อให้โปรเซสได้ใช้พื้นที่หน่วยความจำมากขึ้น
ข. เพื่อประหยัดหน่วยความจำ
ค. เพื่อช่วยให้ไม่มีช่องว่างในการเก็บข้อมูล
ง. เพื่อกำหนดจุดเริ่มต้นจุดสิ้นสุดได้
จ. ไม่มีข้อใดถูก
ฉ. ตอบ
ตอบ ค. เพื่อช่วยให้ไม่มีช่องว่างในการเก็บข้อมูล
21. การใช้พื้นที่ร่วมกัน มีความหมายว่าอย่างไร
ก. เพื่อให้โปรเซสได้ใช้พื้นที่หน่วยความจำมากขึ้น
ข. เพื่อการตรวจสอบพื้นที่ ๆ จะนำงานเข้าไปนั้นว่างหรือไม่
ค. เพื่อประหยัดเนื้อที่ในการทำงาน
ง. เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
จ. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. เพื่อประหยัดเนื้อที่ในการทำงาน
22. ข้อดีของการแบ่งโปรแกรมย่อย คือข้อใด
ก. ทำให้ประหยัดเนื้อที่
ข. ใช้หน่วยความจำน้อยกว่าขนาดโปรแกรมทั้งหมด
ค. โปรแกรมย่อยแต่ละตัวจะมีการป้องกันที่แตกต่างกันได้
ง. สามารถเรียกใช้โปรแกรมย่อยเหล่านี้ร่วมกันได้
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. สามารถเรียกใช้โปรแกรมย่อยเหล่านี้ร่วมกันได้
23. การสูญเปล่าของพื้นที่ย่อยภายนอก สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยวิธีใด
ก.ลบข้อมูลที่ไม่จำเป็น ข. การบีบอัดพื้นที่สูญเปล่า
ค.การบรรจุเซกเมนต์ลงในหน่วยความจำจริง ง. การสแกนดิสก์ใหม่
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ จ. ถูกทุกข้อ
24. ข้อใดไม่ใช่ยุทธวิธีการแทนที่
ก.การแทนที่แบบสุ่ม ข. การแทนที่แบบเรียงลำดับ
ค.การแทนที่แบบ not frequently used (NFU) ง.การแทนที่แบบ least recently used(LRU)จ. การแทนที่แบบ not used recently (NUR)
ตอบ ข. การแทนที่แบบเรียงลำดับ
25. หน่วยความจำเสมือน หมายถึง
ก. เหมือนหน่วยความจำหลัก
ข. หน่วยความจำสำรอง
ค. หน่วยความจำสำรองทำหน้าที่เหมือนหน่วยความจำหลัก
ง. หน่วยความจำทำหน้าที่เหมือนหน่วยความจำสำรอง
จ. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. หน่วยความจำสำรองทำหน้าที่เหมือนหน่วยความจำหลัก
26. หน้าที่หลักของระบบปฏิบัติการในการดูแลอุปกรณ์ในระบบคอมพิวเตอร์ คือ ข้อใด
ก. ตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของอุปกรณ์
ข. กำหนดว่าอุปกรณ์ชิ้นใดใครเป็นผู้ใช้และใช้นานเท่าใด
ค. การแบ่งปันอุปกรณ์ใช้ได้หลายโปรเซสร่วมกัน ไม่เป็นของโปรเซสใดโปรเซสหนึ่ง
ง. การยกอุปกรณ์ให้กับโปรเซสใดโปรเซสหนึ่งใช้โปรเซสเดียวจนกว่าจะเสร็จงาน
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ จ. ถูกทุกข้อ
27. โปรแกรมที่แยกออกมาและมีหน้าที่ควบคุมติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ นี้ เรียกว่าอะไร
ก.Direct Memory Access ข. Device Driver
ค. Device Controller ง. Adapter
จ. Interrupt vector
ตอบ ค. Device Controller
28. การติดตาย หมายถึง
ก.ระบบไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ข. เครื่องเกิดสภาวะขัดข้อง
ค. ข้อมูลเกิดการชนกัน ง. เครื่องผิดพลาดในการรับส่งข้อมูล
จ. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก.ระบบไม่สามารถทำงานต่อไปได้
29. ข้อใดคือสาเหตุของการติดตาย
ก. การบังคับไม่ใช้โปรเซสเข้าใช้ทรัพยากร เนื่องจากมีโปรเซสอื่นใช้งานอยู่
ข. การคอยทรัพยากรซึ่งกันและกันในลักษณะงูกินหาง
ค. การครองทรัพยากรค้างไว้ในขณะที่ร้องขอใช้ทรัพยากรอีกอย่างหนึ่ง
ง. ไม่สามารถปลดปล่อยทรัพยากรที่ครองอยู่ได้
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ จ. ถูกทุกข้อ
30. ข้อใดถูกต้อง
ก. การเข้าถึงข้อมูลแบบเรียงลำดับ จะอ่านและบันทึกข้อมูลในแฟ้มเรียงตามลำดับต่อเนื่องกันไป
ข. การเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่ม เป็นการอ่านและบันทึกข้อมูลโดยตรง
ค. การสร้างแฟ้มข้อมูลเริ่มด้วยการสร้างแฟ้มว่างซึ่งไม่มีข้อมูลอยู่ภายในแฟ้ม
ง. การเปิดแฟ้มต้องมีข้อมูลอยู่ในแฟ้มข้อมูล
จ. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
ตอบ จ. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
แนวข้อสอบ สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้อง
1. ศาสนาพราหมณ์ที่เปลี่ยนเป็นเอกเทวนิยมนับถือสิ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์สูงสุด
1. โมกษะ 2. พระเวท
3. พรหมัน 4. ตรีมูรติ
เฉลยข้อ 3 พรหมัน
เหตุผล เดิมศาสนาพราหมณ์มีเทพเจ้าเป็นใหญ่หลายองค์ พวกหนึ่งอยู่บนสวรรค์ พวกที่สองอยู่
บนฟ้า และพวกที่สามอยู่บนพื้นโลก ต่อมาในสมัยพราหมณะมีการยกย่องเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เพียงองค์เดียวว่า
เป็นใหญ่กว่าเทพทั้งหลาย เป็นเทพเจ้าสูงสุด เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด คือพระเป็น
เจ้าหรือพรหม หรือ พรหมัน หรือ ปชาบดี
2. ความหมายของคำว่า มุสลิม ในข้อใดถูกต้องที่สุด
1. ผู้รักความสงบ 2. ผู้มีศรัทธาต่อพระเจ้า
3. ผู้ยอมมอบตนต่อพระเจ้า 4. ผู้ปฏิบัติตามองการของพระเจ้า
เฉลยข้อ 3 ผู้ยอมมอบตนต่อพระเจ้า
เหตุผล คำว่า อิสลาม แปลว่า สันติ การยอบน้อม การยอมจำนนโดยสิ้นเชิง ผู้ที่นับถือศาสนา
อิสลามจะเรียกว่า มุสลิม ดังนั้นความหมายของคำว่ามุสลิมจึงหมายถึง การนอบน้อมต่อพระเป็น เจ้าอัลเลาะห์แต่องค์เดียวโดยสิ้นเชิงเพื่อความสันติ หรือผู้ยอมมอบตนต่อพระเจ้านั่นเอง
3. ในตอนแรก ชาวยิวเชื่อว่าพระเยซูคือใคร
1. เมสสิอาห์ 2. ศาสดาพยากรณ์
3. พระบุตรของพระเจ้า 4. พระเจ้า
เฉลยข้อ 1 เมสสิอาห์
เหตุผล ก่อนพระเยซูประสูติ ปาเลสไตน์ตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิใกล้เคียงมากกว่า
100 ปี ทำให้ชาวยิวถูกข่มเหง ถูกเก็บภาษีมากที่สุด จึงได้รับความทุกข์ทรมานมากศาสดาพยากรณ์
หลายท่านได้พยากรณ์ว่าจะมีพระมาซีฮา หรือ เมสสิอาห์ ผู้ช่วยให้รอดเสด็จมาทำลายล้างศัตรูและ
ตั้งอาณาจักรแห่งพรเจ้า (พระยะโฮวา) ขึ้น พระเมสสิอาห์เป็นบุตรของพระเจ้า จะทรงไถ่บาปจาก
ชาวยิวให้พ้นจากบาป ชาวยิวในสมัยนั้นจึงรอคอยเมสสิอาห์ ซึ่งแปลว่า พระผู้ช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาป
4. พระพุทธเจ้าทรงบรรลุญาณใด ที่ทำให้ตรัสรู้อริยสัจ 4
1. จุตูปปาต 2. อาสวักขย
3. อานาปานสติ 4. ปุพเพนิวาสานุสสติ
เฉลยข้อ 2 อาสวักขย
เหตุผล ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกาก่อนพุทธศก 45 ปี
พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญเพียรทางจิต จิตจึงแน่วแน่เป็นสมาธิบรรลุรูปญาณ 4 ในขณะที่จิตอยู่
ในญาณที่ 4 พระองค์น้อมจิตไปใช้ปัญญาจึงเกิดความรู้แจ้ง 3 อย่างคือ บุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ
ระลึกชาติได้ในปฐมยาม จุตูปปาตญาณ คือ รู้ดุจดวงตาทิพย์ ในมัชฌิมยาม และ อาสวักขยญาณ
คือ ความรู้ที่ทำให้อาสวะหรือกิเลสหมดสิ้นไปในปัจฉิมยาม
5. หน้าที่ต่อพระเป็นเจ้าในศาสนาอิสลามคืออะไร
1. การไม่บูชารูปเคารพใด ๆ
2. การปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ 5
3. การช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก
4. การเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวเป็นผู้บันดาลสรรพสิ่ง
เฉลยข้อ 2 การปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ 5
เหตุผล หลักปฏิบัติ 5 ประการ เป็นหลักคำสอนที่สำคัญของศาสนาอิสลามมี 5 ประการ คือ
การปฏิบัติญาณตน การละหมาดวันละ 5 เวลา การบริจาคซะกาตหรือศาสนทานการถือศีลอด
ในเดือนเราะมะฎอน และการประกอบพิธฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย (ถ้ามีความพร้อม)
6. พิธีกรรมที่คริสต์ศาสนิกชนได้แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า
1. ศีลบวช 2. ศีลกำลัง
3. ศีลล้างบาป 4. ศีลมหาสนิท
เฉลยข้อ 4 ศีลมหาสนิท
เหตุผล ศีลมหาสนิท (Holy Communion) แปลว่า การอยู่ร่วมกันกับพระเจ้า พิธีนี้เกิดขึ้นครั้ง
แรกเมื่อพระเยซูและอัครสาวกรับประทานอาหารร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะถูกจับระหว่า
รับประทานอาหารอยู่นั้นพระองค์ให้สาวกกินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นโดยตรัสว่า ขนมปังคือร่างายของ
พระองค์ และเหล้าองุ่นคือโลหิตของพระองค์ เป็นโลหิตของพันธสัญญาหลั่งออกมาเพื่อยกบาปให้คน
จำนวนมาก
พิธีศีลมหาสนิทมีความมุ่งหมายเพื่อที่จะให้เลือกเนื้อของคริสต์ศาสนิกชนกับเลือดเนื้อ
ของพระเยซูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในศาสนจักรคาทอลิกทุกคนต้องรับศีลมหาสนิทอย่างน้อยปีละครั้ง
7. คัมภีร์อุปนิษัทมีสาระสำคัญเรื่องใด
1. คู่มือการทำพิธีบูชายัญ
2. ปรัชญาว่าด้วยวิญญาณสากล
3. บทเพลงสวดสรรเสริญเทพเจ้า
4. คู่มือการประกอบพิธีกรรมละบูชาของพราหมณ์
เฉลยข้อ 2 ปรัชญาว่าด้วยวิญญาณสากล
เหตุผล คัมภีร์อุปนิษัท เป็นคัมภีร์หมวดหนึ่งในสี่ของคัมภีร์พระเวท ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 หมวด
คือ สังหิตา คือ มนตร์สำหรับท่อง พราหมณะเป็นคำอธิบายและกฏเกณฑ์อารัณยกะและอุปนิษัท
เป็นปรัชญา
อุปนิษัทเป็นคัมภีร์ที่สำคัญสำคัญมากว่าด้วยความนึกคิดเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ หรือ
อาตมันซึ่งมี 2 ชนิด คือ
1. อาตมันสากล เรียกว่า ปรมาตมัน หรือ พรหม
2. อาตมันส่วนบุคคลของสิ่งที่มีชีวิต เรียกว่า อาตมัน ชีวาตมัน
ดวงวิญญาณทั้งหลายออกมาจากปฐมวิญญาณไปเข้าสิงอยู่ในร่างคนและสัตว์ต่าง ๆ
วิญญาณของสิ่งมีชีวิตจะไม่ดับสูญ เมื่อตายก็จะกลับไปเกิดอีก ถ้าวิญญาณหยุดเวียนว่ายตายเกิดก็จะกลับเข้าสู่วิญญาณสากลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพรหม หรือปรมาตมันจึงพ้นทุกข์หลุดพ้นเข้าสู่โมกษะ
ดังนั้นคัมภีร์อุปนิษัทจึงมีสาระสำคัญเกี่ยวกับวิญญาณสากลนั่นเอง
8. กฏแห่งกรรมอยู่ในหลักธรรมใด
1. นิยาม 5 2. ขันธ์ 5
3. พละ 5 4. วิมุตติ 5
เฉลยข้อ 1 นิยาม 5
เหตุผล นิยาม 5 เป็นหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับหลักกรรม หมายถึง กฎธรรมชาติ หรือระเบียบ
ของธรรมชาติ 5 ประการ ได้แก่
1. อุตุนิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับฤดูกาล ภูมิอากาศ เป็นต้น
2. พืชนิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการสืบพันธุ์
3. จิตตนิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์
4. กรรมนิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต
5. ธรรมนิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับความเป็นเหตุเป็นผลของสิ่งต่าง ๆ
นิยาม 5 เกี่ยวข้องกับกรรมนิยาม หรือกฎแห่งกรรม หมายถึง กระทำเช่นใดย่อมได้ผลเช่นนั้น
เป็นเหตุเป็นผลสอดคล้องกัน
ข้อ 2 ขันธ์ 5 แสดงถึงองค์ประกอบของชีวิต ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ
รูปธรรม และนามธรรม ได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
ข้อ 3 พละ 5 หมายถึง พลังหรือกำลังที่ควรยึดเป็นหลักในการปฏิบัติธรรมในการดำเนิน
ชีวิต ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา
ข้อ 4 วิมุตตา หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสมี 5 อย่าง ได้แก่ วิกขัมภน วิมุตตา
ตทังควิมุตติ สมุจเฉทวิมุตติ ปฎิปัสลัทธิวิมุตติ และนิสสรณวิมุตติ
ดังนั้นข้อ 1 จึงถูกต้องด้วยเหตุผลดังกล่าว
9. ถ้าเราเห็นวัตถุสิ่งหนึ่งแล้วจำได้ว่าสิ่งนั้นคือดอกกุหลาแดง ขั้นตอนนี้คือส่วนใดของขันธ์ 5
1. เวทนา 2. สังขาร
3. สัญญา 4. วิญญาณ
เฉลยข้อ 3 สัญญา
เหตุผล ขันธ์ 5 หรือ เบญจขันธ์ กายกับใจแบ่งออกได้ 5 กองหรือ 5 ส่วน ได้แก่
1. รูปขันธ์ คือ ร่างกาย
2. เวทนาขันธ์ คือ ความรู้สึก
3. สัญญาขันธ์ คือ จำได้หมายรู้
4. สังขารขันธ์ คือ ความคิด
5. วิญญาณขันธ์ คือ ความรู้อารมณ์
สัญญาขันธ์ คือ ส่วนที่เป็นความกำหนดหมาย ได้แก่ ความกำหนดได้หมายรู้ใน
อารมณ์ คือ ความหมายรู้รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย และความหมายรู้อารมณ์ทางใจ ซึ่ง
หมายถึง อารมณ์ที่เกิดกับใจ ความกำหนดได้หมายรู้นี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความจำได้หมายรู้
เช่น ตาเห็นดอกกุหลาบแดงก็รู้ว่าเป็นดอกกุหลาบแดง หรือหูได้ยินเสียงนกร้องก็รู้ว่าเป็นเสยงนก
เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าเราเห็นวัตถุสิ่งหนึ่งแล้วจำได้ว่า สิ่งนั้นคือดอกกุหลาบแดง ขั้นตอนนี้ คือ ส่วนท่
เป็นสัญญาของขันธ์ 5
10. ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นเสมือนเสนาบดีแห่งกองทัพธรรมในยุคกึ่งพุทธกาลคือใคร
1. พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต 2. พระธรรมโกษาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)
3. พระธรรมโกษาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) 4. สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี)
เฉลยข้อ 3 พระธรรมโกษาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ)
เหตุผล พระธรรมโกษาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ได้ตั้งปณิธานที่จะใฝ่หาความรู้ทางธรรมะทั้ง
พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท มหายาน และศาสนาคริสต์ อิสลาม ฮินดู สิกข์ ท่านจึงสามารถประยุกต์วิธ
การสอนและปฏิบัติธรรมได้อย่างหลากหลาย ทำให้คนเลือกปฏิบัติตามพื้นความรู้และอุปนิสัย
หรือจริตของตน ท่านสามารถทำให้ทุกคนเข้าถึงความหมายที่ลึกซึ้งที่สุดแห่งศาสนาของตน เกิด
ความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาและดึงเพื่อนมนุษย์ให้ออกเสียจากวัตถุนิยม
ท่านได้รับการยอมรับจากองค์การคณะสงฆ์ไทย วงการศึกษาของไทยและวงการศึกษา
ธรรมะของโลกได้รับการยอมรับให้เป็นเสนาบดแห่งกองทัพธรรมในยุคหลังกึ่งพุทธกาล เช่น
เดียวกับพระมหากัสสปในครั้งพุทธกาล องค์การ UNESCO ได้ประกาศยกย่องท่านในฐานะบุคคล
สำคัญของโลกประจำปี 2549-2550 โดยมีผลงานโดดเด่นด้านส่งเสริม สันติธรรม และวัฒนธรรม
11. หน้าที่สำคัญที่สุดของพระพุทธสาสนิกชนคือข้อใด
1. รักษาศีล 2. ศึกษาพระไตรปิฎก
3. เผยแผ่พระพุทธศาสนา 4. ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
เฉลยข้อ 1 รักษาศีล
เหตุผล หน้าที่ของพุทธศาสนิกชน ที่ต้องประพฤติปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาที่สำคัญได้แก่
1. การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญมั่นคง
2. การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ และถูกต้องตามพุทธบัญญัติ
3. การศึกษาพระธรรมคำสั่งสอน และปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยการรักษาศีล ปฏิบัติธรรม
แต่หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนิกชน คือ การรักษาศีล เช่น รักษาศีล 5 ศีล 8 เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแผ่และธำรงรักษาพระพุทธศาสนาในฐานะพระพุทธศาสนิกชนที่ด
12. เรื่องภพ – ภูมิ สัมพันธ์กับหลักพระพุทธศาสนาเรื่องใด
1. กรรม 2. กิเลส
3. นิพพาน 4. อริยสัจ
เฉลยข้อ 1 กรรม
เหตุผล ภพ – ภูมิ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด กรรมจำแนกสัตว์ออกเป็นประเภท
ต่าง ๆ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ตามหลักคำสอนที่เรียกว่า ธรรมนิยาม หรือ ปฏิจจสมุปบาท
หมายความว่า “สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น” คือ สิ่งทั้งปวงย่อมเกิดจากสาเหตุ เพราะมีกรรม
หรือมีกิเลส ตัณหา หรือความทะยานอยากจึงเกิดความยึดมั่นถือมั่นจึงเกิดการกระทำในลักษณะ
ต่างๆ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีการเกิด เมื่อมีการเกิดก็มีความแก่ความตาย นับตั้งแต่อวิชชาถึงชรา
มรณะกิเลสจะเป็นปัจจัยให้เกิดการกระทำหรือกรรมให้หมุนเป็นวงจรเช่นนี้ตราบใดที่ดับกิเลสไม่
หมด หรือยังมีกรรมคนที่ต้องตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ไม่มีที่สิ้นสุด แต่นิพพานไม่ใช่ภพภูมิ
เพราะดับกิเลสได้จึงไม่ยึดมั่นอะไรเป็นตัวตน เห็นความดับไปเป็นอนัตตา
ดังนั้น เรื่องภพ – ภูมิสัมพันธ์กับหลักพุทธศาสนาเรื่องกรรม
13. การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งใด เริ่มจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรภาษาบาลีละทำที่ใด
1. ครั้งที่ 2 อินเดีย 2. ครั้งที่ 3 อินเดีย
3. ครั้งที่ 4 ศรีลังกา 4. ครั้งที่ 5 ศรีลังกา
เฉลยข้อ 4 ครั้งที่ 5 ศรีลังกา
เหตุผล การสังคายนาพระไตรปิฎกทำภายหลังพุทธเจ้าปรินิพพานทำโดยพระสงฆ์ ครั้งที่ 1
ทำที่แค้วนมคธ ครั้งที่ 2 ที่แค้วนวัชชี ครั้งที่ 3 ที่กรุงปาฏลีบุตร ทั้ง 3 ครั้งทำในประเทศอินเดีย
ครั้งที่ 4 ทำที่เมืองอนุราชบุรี ประเทศศรีลังกา และ ครั้งที่ 5 ทำหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน
ได้ 433 ปี สาเหตุมาจากพระสงฆ์เห็นว่าพระพุทธวจนะที่ถ่ายทอดกันมาโดยการท่องจำ ต่อไปอาจ
ขาดตกบกพร่อง คณะสงฆ์ชาวลังกาจึงทำการสังคายนาที่มลัยชนบท โดยมการจารึกพระพุทธวจนะเป็นลายลักษณ์อักษรด้วนภาบาลี
14. ศาสนาพิธีใดเป็นเรื่องของพระสงฆ์ล้วน ๆ ไม่มีฆราวาสเกี่ยวข้อง
1. พิธีอุปสมบท 2. พิธีปวารณา
3. พิธีมหากฐิน 4. พิธีรักษาอุโบสถศีล
เฉลยข้อ 2 พิธีปวารณา
เหตุผล พิธีปวารณา แปลว่า การยอมให้ใช้ ยอมให้ขอ ยอมให้กล่าวว่า ยอมให้ตักเตือนเป็นเรื่องของพระสงฆ์ที่ท่านทำปวารณาต่อกันในวันออกพรรษา คือ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 เป็นวันแรกของวันออกพรรษา อาจเรียกวันออกพรรษาว่าวันปวารณา พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสงฆ์มีการกล่าวตักเตือนกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงอาวุโส แต่ผู้ว่ากล่าวตักเตือนต้องเมตตาปรารถนาดี ถ้าพระสงฆ์มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมในระหว่างพรรษานั้น ผู้ถูกกล่าวตักเตือนก็ใจกว้างเห็นความปรารถนาดีของผู้ตักเตือน การปวารณาเป็นสังฆกรรม คือ ต้องทำโดยคณะสงฆ์ แสดงถึงความเป็นประชาธิปไตย ทำให้เกิดความสามัคคีและสังคมพระสงฆ์มีความบริสุทธิ์
ข้อ 1 พิธีอุปสมบท ข้อ 3 พิธีมหากฐิน และพิธีรักษาอุโบสถศีล เป็นศาสนาพิธีร่วมกันของฆราวาสและพระสงฆ์ ไม่สามารถทำตามลำพังได้ ยกเว้นพิธีปวารณาเป็นศาสนาที่ไม่มีฆราวาสเกี่ยวข้องเลย
15. ในวันอาสาฬหบูชา พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องใด
1. อนัตตา ละ นิพพาน 2. ไตรลักษณ์ และ รัตนตรัย
3. มัชฌิมาปฏิปทา และ อริยสัจ 4. โพธิปักขิยธรรม และ อปริหานิยธรรม
เฉลยข้อ 3 มัชฌิมาปฏิปทา และ อริยสัจ
เหตุผล วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา คือ ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ ทำให้ท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมและอุปสมบทเป็นอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา
ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร มีใจความสำคัญ คือ
1. ควรปฏิบัติตนตามทางสายกลาง คือ มัชฌิมาปฏิปทา ได้แก่ อริยมรรคมีองค์แปด
2. อริยสัจ 4
16. การบริหารจิตโดยวิธีอานาปานสติ อยู่ในสติปัฏฐานใด
1. กายานุปัสสนา 2. เวทนานุปัสสนา
3. จิตตานุปัสสนา 4. ธัมมานุปัสสนา
เฉลยข้อ 1 กายานุปัสสน
เหตุผล สติปัฏฐาน คือ การใช้สติกำกับ 4 ประการ ได้แก่
1. กายานุปัสสนา คือ การพิจารณากาย มีหลักการด้านอานาปานสติ คือ การกำหนดลม
หายใจเข้าออก การกำหนดอิริยาบถ คือ รู้ตนเองว่า ยืน นั่ง หรือ เดิน เป็นต้น
2. เวทนานุปัสสนา คือ พิจารณาเวทนาให้จิตรู้เท่าทันตามอาการว่า ทุกข์ สุข หรือเฉย ๆ
ไม่ปล่อยจิตให้ฟุ้งซ่าน
3. จิตตานุปัสสนา คือ พิจารณาจิตว่ากำลังมีราคะ โทสะ หรือ โมหะหรือไม่
4. ธัมมานุปัสสนา คือ พิจารณาธรรมะต่าง ๆ เช่น อริยสัจ 4 เป็นต้น
ดังนั้นการบริหารจิตโดยวิธีอานาปานสติจึงอยู่ในสติปัฏฐานกายานุปัสสนา
17. วิธีแบบสามัญลักษณะคือการคิดแบบใด
1. มัชฌิมาปฏิปทา 2. ไตรลักษณ์
3. อานาปานสติ 4. ปฏิจจาสมุปบาท
เฉลยข้อ 2 ไตรลักษณ์
เหตุผล ไตรลักษณ์ หรือ สามัญลักษณะ แปลว่า ลักษณะทั้ง 3 อย่าง หมายถึง ลักษณะธรรมชาติ 3 อย่างของสิ่งทั้งปวง ได้แก่
1. อนิจจา คือ ความไม่เที่ยง ความไม่ถาวร ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เมื่อเกิด
มาแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงตลอกเวลา
2. ทุกขตา คือ ความเป็นทุกข์ เป็นของทนได้ยาก ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ทุกขะ แปลว่า
ทนได้ยาก
3. อนัตตา คือ ความเป็นอนัตตา ความไม่ใช่ตัวตน
วิธีคิดแบบสามัญลักษณะ คือ การคิดแบบไตรลักษณ์ ทำให้รู้เท่าทันความเป็นจริงของทุก
สิ่งว่า ทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเรา เป็นตัวเราจนทำให้เกิดทุกข์ เมื่อเกิดการพลัดพรากจากสิ่งที่รักจะได้ไม่เกิดทุกข์ ทำใจได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องประสบ
18. การรู้แจ้งในอริยสัจ 4 สัมพันธ์กับสติปัฏฐานข้อใด
1. กายานุปัสสนา 2. เวทนานุปัสสนา
3. จิตตานุปัสสนา 4. ธัมมานุปัสสนา
เฉลยข้อ 4 ธัมมานุปัสสนา
เหตุผล ธัมมานุปัสสนา เป็นสติปัฏฐานที่ใช้สติกำกับในการพิจารณาธรรมะต่าง ๆ ดังนี้
1. นิวรณ์ คือ รู้ชัดว่านิวรณ์แต่ละอย่างมีในใจหรือไม่
2. ขันธ์ คือ กำหนดรู้ขันธ์ห้า
3. อายตนะ คือ รู้ชัดอายตนะภายในและภายนอก
4. โพธฌงค์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นว่าองค์ประกอบแห่งการตรัสรู้เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร
5. อริยสัจ คือ รู้ชัดอริยสัจสี่แต่ละอย่างตามความเป็นจริงว่าคืออะไร เป็นอย่างไรธัมมานุปัสสนาจึงเป็นสติปัฏฐานที่ทำให้เกิดการรู้แจ้งในอริยสัจ 4
19. ในแนวทางพระพุทธศาสนา เราจะสร้างคุณภาพชีวิตได้อย่างไร
1. มีสติ สมาธิ และปัญญา
2. มีมารยาทชาวพุทธ และสมาธิ
3. ยึดไตรลักษณ์ และโยนิโสมนสิการ
4. ยึดทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม และฆราวาสธรรม
เฉลยข้อ 1 มีสติ สมาธิ และปัญญา
เหตุผล พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในตนเอง สามารถฝึกฝนตนเองไปจนถึงจุดสุดยอดได้ด้วยความวิริยะ และสติปัญญาไม่ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเราสามารถทำได้โดยการดำเนินตามหลักไตรสิกขา คือพัฒนาด้านการควบคุมพฤติกรรมทางกาย วาจาให้มระเบียบวินัย มีสติ ระลึกได้ รู้ตัวอยู่เสมอ ไม่ประมาท ไม่เบียดเบียนและเอื้ออาทรต่อผู้อื่น (อธิศีลสิกขา)
พัฒนาทางจิต สติ สมาธิ เพื่อสร้างจิตให้มีคุณภาพ สมรรถภาพ และสุขภาพ (อธิจิตตสิกขา) และพัฒนาทางด้านความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติที่ถูกต้อง (อธิปัญญาสิกขา) ปัญญาจะทำให้แก้ปัญญาได้ เห็นชอบ ดำริชอบ รู้จักคิดเป็นแก้ปัญหาได้
ดังนั้น ในแนวทางพระพุทธศาสตร์ เราจะสร้างคุณภาพชีวิตได้โดยมีสติ สมาธิ และปัญญา
20. หลักปฏิบัติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในพระพุทธศาสนาคือหลักใด
1. ฆราวาส สาราณียธรรม
2. ปฎิจจสมุปบาท อิทัปปัจยตา
3. มงคล 38 ประการ อริยมรรค
4. ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม มัชฌิมาปฏิปทา
เฉลยข้อ 4 ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม มัชฌิมาปฏิปทา
เหตุผล การพัฒนาที่ยั่วยืนต้องให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบัน ในอนาคต และเป็นประโยชน์สูงสุด ซึ่งการพัฒนาตามแนวทางพระพุทธศาสนาเน้นการพัฒนาคนเป็นหลัก เพราะพระพุทธศาสนาถือว่าถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นคนดี สังคมนั้นย่อมสงบสุข หลักปฏิบัติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน คือ ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม และมัชฌิมาปฏิปทาผสมผสานหรือบูรณาการ เพื่อจะทำงานได้อย่างมประสิทธิภาพและประสิทธิผล
หลักทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือ หลักธรรมที่จะนำบุคคลให้เกิดการพัฒนาให้ถึงประโยชน์ในปัจจุบันได้ ประกอบด้วย อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่น อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา กัลป์ยาณมิตตา มีเพื่อนเป็นคนดี และสมชีวิตา เลี้ยงชีวิตตามกำลังทรัพย์ที่หามาได้ ไม่ฟุ่มเฟือย
มัชฌิมาปฏิปทา หรือ อริยมรรค หรือ มรรคมีองค์ 8 แปลว่า ทางอันประเสริฐ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ การพัฒนาต้องใช้ทางสายกลาง เพราะในสังคมหรือประเทศประกอบด้วยคนที่แตกต่างกันทั้งด้านจิตใจ ฐานะ อาชีพจึงต้องรู้จักประสานประโยชน์ ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งลุล่วงไปได้
ถ้าปฏิบัติตามหลักธรรมดังกล่าวจะเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน