แนวข้อสอบพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
1. พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้ไว้ ณ วันที่เท่าใด
ก. ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ค. ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
ข. ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ง. ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕
ตอบ ข. ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
2. ใครคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ค. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข. นายกรัฐมนตรี ง. คณะรัฐมนตรี
ตอบ ก.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
3. พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 16 หมวด 90 มาตรา ค. 16 หมวด 91 มาตรา
ข. 15 หมวด 90 มาตรา ง. 15 หมวด 91 มาตรา
ตอบ ก.16 หมวด 90 มาตรา
4. ข้อใดคือสิ่งปฏิกูล
ก. เศษอาหาร ค. อุจจาระหรือปัสสาวะ
ข. มูลสัตว์ ง. ซากสัตว์
ตอบ ค. อุจจาระหรือปัสสาวะ
5. ข้อใด ไม่ใข่ “มูลฝอย”
ก. เศษกระดาษ ค. ถุงพลาสติก
ข. เศษผ้า ง. สิ่งโสโครกหรือมีกลิ่นเหม็น
ตอบ ง.สิ่งโสโครกหรือมีกลิ่นเหม็น
6. ใครเป็นประธานใน“คณะกรรมการสาธารณสุข”
ก. อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ข. อธิบดีกรมการแพทย์ ง. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ตอบ ง.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
7. “คณะกรรมการสาธารณสุข” มีอำนาจหน้าที่อย่างไร
ก. เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการกำหนดนโยบาย แผนงานและมาตรการเกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข. ศึกษา วิเคราะห์และให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีในการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและคำสั่งเกี่ยวกับการสาธารณสุข
ค. ให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง และต่อราชการส่วนท้องถิ่นในการออกข้อกำหนดของท้องถิ่น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
8. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน“คณะกรรมการสาธารณสุข” มีไม่เกินกี่คน
ก. ไม่เกิน 3 คน ค. ไม่เกิน 5 คน
ข. ไม่เกิน 4 คน ง. ไม่เกิน 6 คน
ตอบ ค. ไม่เกิน 5 คน
9. ข้อใดคือข้อกำหนดของราชการส่วนท้องถิ่นในการรักษาความสะอาดและการจัดระเบียบในการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย
ก. ห้ามการถ่าย เท ทิ้ง หรือทำให้มีขึ้นในที่หรือทางสาธารณะซึ่งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยนอกจากในที่ที่ราชการส่วนท้องถิ่นจัดไว้ให้
ข. กำหนดให้มีที่รองรับสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามที่หรือทางสาธารณะและสถานที่เอกชน
ค. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่นในการเก็บและขนสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยไม่เกินอัตราตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
10. ใครคือผู้มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดจำนวนคนที่อาศัยต่อจำนวนพื้นที่ของอาคาร
ก. รัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ
ค. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ง. คณะกรรมการสาธารณสุข
ตอบ ข.รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ
11. ข้อใดคือเหตุที่ก่อให้เกิดความรำคาญ
ก. การกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน
ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ข. การเลี้ยงสัตว์ในที่หรือโดยวิธีใด หรือมีจำนวนเกินสมควรจนเป็นเหตุให้เสื่อม หรืออาจเป็น
อันตรายต่อสุขภาพ
ค. แหล่งน้ำ ทางระบายน้ำ ที่อาบน้ำ ส้วม หรือที่ใส่มูลหรือเถ้า หรือสถานที่อื่นใด ซึ่งอยู่ในทำเลไม่เหมาะสม สกปรก
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
12. ในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบสัตว์ในที่หรือทางสาธารณะโดยไม่ปรากฏเจ้าของเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจกักสัตว์ไว้เป็นเวลาอย่างน้อยกี่วัน
ก. 7 วัน ค. 30 วัน
ข. 15 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ค. 30 วัน (เมื่อพ้นกำหนดแล้วยังไม่มีผู้ใดมาแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าของเพื่อรับสัตว์คืน ให้สัตว์นั้นตกเป็นของราชการส่วนท้องถิ่น)
13. จัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหารซึ่งมีพื้นที่เกินเท่าใดต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและมิใช่เป็นการขายของในตลาด
ก. 100 ตารางเมตร ค. 300 ตารางเมตร
ข. 400 ตารางเมตร ง. 200 ตารางเมตร
ตอบ ง. 200 ตารางเมตร
14. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นและเจ้าพนักงานสาธารณสุข
ก. มีหนังสือเรียกบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำหรือแจ้งข้อเท็จจริง หรือทำคำชี้แจงเป็นหนังสือหรือให้ส่งเอกสารหลักฐานใดเพื่อตรวจสอบหรือเพื่อประกอบการพิจารณา
ข. เข้าไปในอาคารหรือสถานที่ใด ๆ ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการเพื่อตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตามข้อกำหนดของท้องถิ่น
ค. ยึดหรืออายัดสิ่งของใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีหรือเพื่อนำไปทำลายในกรณีจำเป็น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
15. ผู้ได้รับหนังสือรับรองการแจ้งต้องแสดงหนังสือรับรองการแจ้งไว้โดยวิธีใด
ก. ติดประกาศ ค. ประชาสัมพันธ์
ข. เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ง. เป็นความลับ
ตอบ ข. เปิดเผยและเห็นได้ง่าย
16. ในกรณีที่การแจ้งไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งให้ผู้แจ้งทราบภายในกี่วัน
ก. 7 วัน ค. 30 วัน
ข. 15 วัน ง. 20 วัน
ตอบ ก.7 วัน
17. ในกรณีที่หนังสือรับรองการแจ้งสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุดจะต้องแจ้งยื่นคำขอรับใบแทนหนังสือรับรองการแจ้งภายในกี่วัน
ก. 7 วัน ค. 30 วัน
ข. 15 วัน ง. 20 วัน
ตอบ ข.15 วัน
18. เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องออกใบอนุญาตหรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในกี่วันนับแต่วันได้รับคำขอซึ่งมีรายละเอียดถูกต้องหรือครบถ้วนตามที่กำหนดในข้อกำหนดของท้องถิ่น
ก. 7 วัน ค. 30 วัน
ข. 15 วัน ง. 20 วัน
ตอบ ค. 30 วัน
19. ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดผู้รับใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 45 วัน
ข. 60 วัน ง. 15 วัน
ตอบ ง. 15 วัน
20. เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้ภายในเวลาที่เห็นสมควรแต่ต้องไม่เกินกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 45 วัน
ข. 60 วัน ง. 15 วัน
ตอบ ง. 15 วัน
ถาม – ตอบ สาธารณสุขชุมชน
*********************
1. งานสาธารณสุขชุมชน หมายถึงอะไร และมีความสำคัญอย่างไร
ตอบ งานบริการที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชน มุ่งเน้นงานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันและควบคุมโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสภาพโดยสมาชิกในชุมชนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยภาครัฐและภาคเอกชน คอยให้การสนับสนุน ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกในชุมชนพึ่งตนเองทางสุขภาพได้อย่างแท้จริง
ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเราต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด การปรับตัวนี้เองทำให้มีผลต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การเจ็บป่วยแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อการดูแลรักษา ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็ช่วยได้บ้างเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น แต่การดูแลสุขภาพหลังการเจ็บป่วยให้ฟื้นคืนสู่สภาพดังเดิมนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเอง การเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆ ที่กล่าวมาส่งผลให้ภาครัฐต้องมีการปรับปรุงระบบและวิธีการบริหารจัดการ ดังจะเห็นได้จากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้บัญญัติถึงการให้สิทธิเสรีภาพประชาชนมากขึ้น ตลอดจนมีการกระจายอำนาจการบริหารราชการส่วนกลางไปสู่การบริหารราชการท้องถิ่นมากขึ้น
ในด้านสาธารณสุข ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพในเชิงรุกมากขึ้น ในแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ.2545-2549) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า คนในสังคมไทยทุกคนมีหลักประกันที่จะดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะ และเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาค รวมทั้งอยู่ในครอบครัว ชุมชน และสังคมที่มีความเพียงพอทางสุขภาพ มีศักยภาพ มีการเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพ โดยสามารถใช้ประโยชน์ทั้งจากภูมิปัญญาสากลและภูมิปัญญาไทยได้อย่างรู้เท่าทัน
ด้วยเหตุนี้เอง งานสาธารณสุขจึงได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิด และวิธีการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ โดยเฉพาะงานสาธารสุขมูลฐาน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของงานสาธารณสุขชุมชน งานสาธารณสุขมูลฐานมีส่วนสำคัญยิ่งในการพัฒนาศักยภาพและเปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นกำลังสำคัญ แต่จากระยะเวลาที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า บุคลากรทางสาธารณสุขและ อสม. เพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ ต้องอาศัยสมาชิกทุกหน่วยในสังคมเข้ามาช่วยกัน ดังนั้น จึงมีการปรับแนวคิด และวิธีการทำงานของงานสาธารณสุขขั้นมูลฐานอย่างเป็นระบบ ด้วยการจัดระบบการจัดการของชุมชนจากสิ่งที่มีอยู่ในชุมชน (อาสาสมัครสาธารณสุข ผู้นำกลุ่มต่างๆ และประชาชน) ศูนย์ปฏิบัติการให้บริการสาธารณสุขเบื้องต้น และความรู้ข่าวสารด้านสุขภาพชุมชนและทุนในการดำเนินกิจกรรมสุขภาพในชุมชน
2. การจัดการของชุมชนในการพัฒนาสุขภาพ เรียกว่า อะไร
ตอบ ระบบสุขภาพเพื่อประชาชน จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานสาธารณสุขชุมชนนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาสุขภาพของคนในชุมชน ด้วยการส่งเสริมและผลักดันให้สมาชิกในชุมชนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ ว่าเป็นหน้าที่ของตนเองไม่ใช่เรื่องของแพทย์หรือพยาบาล เพื่อลดการพึ่งพาสาธารณสุขในอนาคต ส่วนภาครัฐก็ต้องปรับบทบาทของตนมาเป็นผู้ให้การสนับสนุนปัจจัยที่จำเป็น เช่น องค์ความรู้ เทคโนโลยี และทรัพยากรต่างๆ ที่ชุมชนต้องการ
3. ระบบสุขภาพภาคประชาชนคืออะไร และมีองค์ประกอบกี่ประการ
ตอบ ระบบสุขภาพภาคประชาชน เป็นการจัดการงานสาธารณสุขมูลฐานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สมาชิกในชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ และร่วมมือกันดูแลสุขภาพของตนเอง โดยมีภาครัฐและองค์กรภายนอกให้การสนับสนุน นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาองค์กรอาสาสมัคร และแกนนำสุขภาพประจำครอบครัว ให้มีส่วนร่วมในการจัดการงานบริการส่งเสริมสุขภาพในด้านต่างๆ ด้วย
ระบบสุขภาพภาคประชาชน มีองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ประกอบด้วย คน องค์ความรู้ และทุน
1. คน เป็นองค์กรที่สำคัญในการพัฒนาสุขภาพ สมาชิกในชุมชนมารวมกลุ่มกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อช่วยส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนมีสุขภาพแข็งแรง พึ่งตนเองได้
2. องค์ความรู้ เช่น วิทยากร วิธีการ เทคโนโลยี ภูมิปัญญา การถ่ายทอดและการกระจายความรู้ ข้อมูลข่าวสารในชุมชน เป็นต้น
3. ทุน การพัฒนาสุขภาพจำเป็นต้องอาศัยทุน ทั้งที่เป็นตัวเงิน ซึ่งอยู่ในลักษณะการเงินการคลังด้านสุขภาพ และทุนทางสังคม เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรบุคคล ภูมิปัญญา เป็นต้น
องค์ประกอบทั้ง 3 ประการนี้ จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยหากขาดการจัดการที่เป็นระบบ และมีความสมดุล ซึ่งการจัดการในที่นี้คือ การปฏิบัติเพื่อการประสานให้มีการเคลื่อนไหวขององค์ประกอบทั้ง 3 ประการ และให้เกิดการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาสุขภาพ เพื่อสนองความต้องการของคนในชุมชน ทำให้คนในชุมชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ดังกรอบแนวคิดสุขภาพภาคประชาชนต่อไปนี้
4. จงอธิบายบทบาทและความสำคัญของวัยรุ่นต่อการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน
ตอบ การดำเนินงานสาธารณสุขของประเทศในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า โดยมีระบบบริการสาธารณสุขที่ตอบสนองต่อปัญหาและความจำเป็นด้านสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่ม มีความเสมอภาคในการบริการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพทั้งทางด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสภาพที่ประชาชนต้องดำเนินการเอง เป็นต้น และการพัฒนางานสาธารณสุข รวมไปถึงการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชนซึ่งประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการดำเนินงานไปจนถึงระดับที่สามารถดูแลตนเองได้ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง และพึ่งพาตนเองได้
กลุ่มคนที่ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชนกลุ่มหนึ่ง คือ วัยรุ่น เนื่องจากวัยรุ่นเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ ที่เริ่มมีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อสังคม และจะเป็นกำลังสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศต่อไป วัยรุ่นมีความต้องการที่จะตัดสินใจเลือกทำกิจกรรมต่างๆ และมีพลังที่จะทำกิจกรรมที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ หากได้รับการส่งเสริมและพัฒนาในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น วัยรุ่นจึงเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขอีกด้วย
บทบาทของวัยรุ่นต่อการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน วัยรุ่นควรได้แสดงออกถึงบทบาทในการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน ในแนวทางต่อไปนี้
1. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับระบบการบริการสาธารณสุขเป็นประจำ
2. ติดตามข่าวสารสาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอ
3. ดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองและครอบครัวได้อย่างถูกต้อง
4. แนะนำผู้อื่นในการปฏิบัติตนที่นำไปสู่การมีสุขภาพดี
5. สมัครเข้าเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเพื่อนบ้านในชุมชน เพื่อการมีสุขภาพอนามัยที่ดี โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนสมาชิกในชุมชน ในการติดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาสาสมัครเหล่านี้ ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นต้น
6. เผยแพร่ความรู้และข่าวสารสาธารณสุขซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ การนำข่าวสารที่ได้ จากหน่วยงานสาธารณสุขไปใช้ในห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดชุมชน การนำข่าวสารสาธารณสุขจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มาเขียนเป็นบทความโดยย่อ แล้วนำไปติดให้ผู้อื่นอ่าน การแจกเอกสารสาธารณสุขแก่ผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพตามเนื้อหาที่มีในเอกสาร และการนำข่าวสารสาธารณสุขไปบรรยาย จัดนิทรรศการ และให้ความรู้ทางการกระจายเสียง เป็นต้น
7. มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
8. ริเริ่มกิจกรรมเกี่ยวกับงานสาธารณสุขในชุมชน เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ และอนามัยสิ่งแวดล้อม
9. ส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทุกครั้งที่มีโอกาส
5. พระราชบัญญัติ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ไว้ ณ วันใด
ตอบ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖
6. พระราชบัญญัติ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ตอบ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
7. “วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ วิชาชีพที่กระทําต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ในชุมชนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การตรวจประเมินและการบําบัด โรคเบื้องต้น การดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การฟื้นฟูสภาพ การอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยในชุมชนโดยนําหลักวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ แต่ไม่รวมถึง การประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
8. “การประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ การกระทําการสาธารณสุขต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และอนามัยสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้
(๑) การส่งเสริมการเรียนรู้ การแนะนําและให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การบําบัดโรคเบื้องต้น และการฟื้นฟูสภาพ ต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยการผสมผสานต่อเนื่อง และเชื่อมโยงเป็นองค์รวม
(๒) การประยุกต์หลักวิทยาศาสตร์ โดยการกระทําด้านการอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อการควบคุมป้องกันปัจจัยที่ทําให้เกิดโรค และลดความเสี่ยง การเจ็บป่วยต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชน
(๓) การตรวจประเมินและการบําบัดโรคเบื้องต้น การดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การสร้างเสริม ภูมิคุ้มกันโรค และการวางแผนครอบครัวตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
(๔) การตรวจประเมินอาการเจ็บป่วย และการช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อการส่งต่อตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
9. “ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับ ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนจากสภาการสาธารณสุขชุมชน
10. มีสภาการสาธารณสุขชุมชน มีฐานะเป็นอะไร และมีหน้าที่อย่างไร
ตอบ มีสภาการสาธารณสุขชุมชนเป็นนิติบุคคล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ และอํานาจหน้าที่ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติน
สภาการสาธารณสุขชุมชนมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๒) ออกคําสั่งตามมาตรา ๓๙ วรรคสี่
(๓) ให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนในระดับอุดมศึกษาของ สถาบันการศึกษาที่จะทําการสอนวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เพื่อเสนอต่อสํานักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา
(๔) รับรองปริญญา ประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตรหรือ วุฒิบัตรในวิชาชีพการสาธารณสุขของสถาบันต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก
(๕) รับรองหลักสูตรต่างๆ สําหรับการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรของสถาบันที่จะทําการสอน และฝึกอบรมวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๖) รับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทําการสอนและฝึกอบรมใน (๕)
(๗) จัดทําแผนการดําเนินงานและรายงานผลการดําเนินงานเสนอต่อสภานายกพิเศษอย่างน้อย ปีละครั้ง
(๘) ดําเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสภาการสาธารณสุขชุมชน
11. สภาการสาธารณสุขชุมชนมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
ตอบ สภาการสาธารณสุขชุมชนมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๒) ควบคุม กํากับ ดูแล และกําหนดมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุข ชุมชน
(๓) ควบคุมดูแลความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนให้ถูกต้อง ตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๔) ช่วยเหลือ แนะนํา เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องที่ เกี่ยวกับการสาธารณสุขชุมชน
(๕) ให้คําปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๖) ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก
(๗) ผดุงไว้ซึ่งสิทธิ ความเป็นธรรมและส่งเสริมสวัสดิการให้แก่สมาชิก (๘) เป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนของประเทศไทย
12. สภาการสาธารณสุขชุมชนอาจมีรายได้ดังต่อไปนี้ คือ
ตอบ (๑) เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน (๒) ค่าขึ้นทะเบียนสมาชิก ค่าบํารุง และค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้ (๓) ผลประโยชน์จากการจัดการเงินและทรัพย์สิน และการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ที่กําหนด ในมาตรา ๖ (๔) เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้ให้แก่สภาการสาธารณสุขชุมชน (๕) ดอกผลของเงินและทรัพย์สินตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔)
13. ผู้สมัครเป็นสมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชนต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
ตอบ ผู้สมัครเป็นสมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชนต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ คือ
(ก) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(ข) มีความรู้ในวิชาชีพการสาธารณสุขโดยได้รับปริญญา ประกาศนียบัตร เทียบเท่า ปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพการสาธารณสุขจากสถาบันการศึกษาที่ สภาการสาธารณสุขชุมชนรับรอง
14. จงอธิบายสิทธิและหน้าที่ของสมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชน
ตอบ (๑) ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กาหนดในมาตรา ๒๙
(๒) แสดงความเห็นเป็นหนังสือเกี่ยวกับกิจการของสภาการสาธารณสุขชุมชนส่งไปยังคณะกรรมการ เพื่อพิจารณา และในกรณีที่สมาชิกรวมกันตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเรื่องใด
ที่เกี่ยวกับกิจการของสภาการสาธารณสุขชุมชน คณะกรรมการต้องพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณา ให้ผู้เสนอทราบภายในเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับเรื่อง
(๓) เลือก รับเลือกตั้ง หรือรับแต่งตั้งเป็นกรรมการ
(๔) ผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพและปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
15. คณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน ประกอบด้วย
ตอบ (๑) กรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข
(๒) กรรมการซึ่งเป็นคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ หรือหัวหน้าภาควิชา หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า ภาควิชาที่ผลิตบัณฑิตดานการสาธารณส ้ ุขในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งละหนึ่งคน เลือกกันเองให้เหลือสองคน
(๓) กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุขหนึ่งคน
(๔) กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากแพทยสภา สภาเภสัชกรรม และสภาการพยาบาลแห่งละหนึ่งคน
(๕) กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เลือกกันเองจํานวนหนึ่งคน
(๖) กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากองค์กรเอกชนที่ดําเนินการโดยมิใช่เป็นการหาผลกําไรหรือรายได้ มาแบ่งปันกัน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เลือกกันเองจํานวนหนึ่งคน
(๗) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและ ความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมาย และด้านสังคมศาสตร์ ด้านละหนึ่งคน
(๘) กรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกมีจํานวนเท่ากับจํานวนกรรมการใน (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) และ (๗) รวมกัน
16. นายกสภาการสาธารณสุขชุมชน มีอํานาจหน้าที่อย่างไร
ตอบ (ก) บริหารและดําเนินกิจการของสภาการสาธารณสุขชุมชน ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามมติของคณะกรรมการ
(ข) เป็นผู้แทนสภาการสาธารณสุขชุมชนในกิจการต่าง ๆ
(ค) เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมกา
17. เลขาธิการสาธารณสุขชุมชน มีอํานาจหน้าที่อย่างไร
ตอบ (ก) ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่สภาการสาธารณสุขชุมชนทุกระดับ
(ข) ควบคุมรับผิดชอบในงานธุรการทั่วไปของสภาการสาธารณสุขชุมชน
(ค) รับผิดชอบในการดูแลรักษาทะเบียนสมาชิก ทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุข ชุมชน และทะเบียนอื่น ๆ ของสภาการสาธารณสุขชุมชน
(ง) ควบคุมดูแลทรัพย์สินของสภาการสาธารณสุขชุมชน (จ) เป็นเลขานุการคณะกรรมการ
18. ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน หรือกระทําด้วยวิธีใด ๆ ที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิที่จะประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนโดยมิได้รับใบอนุญาตจาก สภาการสาธารณสุขชุมชน เว้นแต่ในกรณีใด
ตอบ ๑) การช่วยเหลือประชาชนตามหน้าที่ ตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยาโดยมิได้รับ ประโยชน์ตอบแทน
(๒) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรม ซึ่งทําการฝึกหัดหรือฝึกอบรมในความควบคุม ของสถาบันการศึกษาวิชาการสาธารณสุขชุมชนของรัฐหรือที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้จัดตั้งสถาบัน ทางการแพทย์ของรัฐ หรือสถาบันการศึกษา
(๓) บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลกระทํา การประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนด (๔) บุคคลซึ่งกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหาร ส่วนตําบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษอื่นตามที่มีกฎหมาย กําหนด หรือสภากาชาดไทย มอบหมายให้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ในความควบคุมของ เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามระเบียบที่ รัฐมนตรีกําหนด
(๕) การปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน ซึ่งได้ผ่านการอบรมและได้รับ หนังสือรับรองความรู้ความสามารถจากกระทรวงสาธารณสุข ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ประกอบ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนด
19. ใบอนุญาตสาธารณสุขชุมชน มีอายุกี่ปี
ตอบ 5 ปี และต่ออายุได้ครั้งละ เท่ากับอายุใบอนุญาตตามที่กําหนดในข้อบังคับสภาการสาธารณสุขชุมชนแต่ไม่เกินครั้งละห้าปี
20. คณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชนมีอํานาจวินิจฉัยชี้ขาดในกรณีใดบ้าง
ตอบ (๑) ยกข้อกล่าวหา
(๒) ว่ากล่าวตักเตือน
(๓) ภาคทัณฑ์
(๔) พักใช้ใบอนุญาตมีกําหนดเวลาตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินสองปี
(๕) เพิกถอนใบอนุญาต
แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕
****************************
1. พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้ไว้ ณ วันใด
ก. ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ค. ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ข. ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ง. ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ตอบ ข. ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
2. ใครคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ค. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
3. พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 8 หมวด 60 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ค. 9 หมวด 60 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ข. 8 หมวด 70 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ง. 9 หมวด 70 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ง. 9 หมวด 70 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
4. บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กำหนด ถูกกล่าวไว้ในมาตราใด
ก. มาตรา 5 ค. มาตรา 6
ข. มาตรา 9 ง. มาตรา 10
ตอบ ก. มาตรา 5
มาตรา ๕ บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัตินี้
5. บุคคลใดประสงค์จะใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขจะต้องยื่นคำขอลงทะเบียนต่อใคร
ก. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพ
ค. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ง. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสำนักงานสาขา
ตอบ ง. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสำนักงานสาขา
มาตรา ๖ บุคคลใดประสงค์จะใช้สิทธิตามมาตรา ๕ ให้ยื่นคำขอลงทะเบียนต่อสำนักงานหรือหน่วยงานที่สำนักงานกำหนด เพื่อเลือกหน่วยบริการ เป็นหน่วยบริการประจำ
6. บุคคลที่ได้ลงทะเบียนแล้วให้ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขได้จากหน่วยบริการประจำของตนหรือหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่
ก. กรณีที่มีเหตุสมควร ค. กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ข. กรณีอุบัติเหตุ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๗ บุคคลที่ได้ลงทะเบียนแล้ว ให้ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขได้จากหน่วยบริการประจำของตนหรือหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง หรือจากหน่วยบริการอื่นที่หน่วยบริการประจำของตนหรือเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้องส่งต่อ เว้นแต่กรณีที่มีเหตุสมควร หรือกรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ให้บุคคลนั้นมีสิทธิเข้ารับบริการจากสถานบริการอื่นได้ ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยคำนึงถึงความสะดวกและความจำเป็นของผู้ใช้สิทธิรับบริการ และให้สถานบริการที่ให้บริการนั้นมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
7. ผู้ซึ่งมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถเข้ารับบริการครั้งแรกที่ใด
ก. หน่วยบริการประจำของตน
ข. หน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง
ค. หน่วยบริการอื่นที่หน่วยบริการประจำของตนหรือเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้องส่งต่อ
ง. ที่ใดก็ได้
ตอบ ง. ที่ใดก็ได้
มาตรา ๘ ผู้ซึ่งมีสิทธิตามมาตรา ๕ ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนตามมาตรา ๖ อาจเข้ารับบริการครั้งแรกที่หน่วยบริการใดก็ได้ และให้หน่วยบริการที่ให้บริการแก่บุคคลดังกล่าวจัดให้บุคคลนั้นลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำตามมาตรา ๖ และแจ้งให้สำนักงานทราบภายในสามสิบวันนับแต่ให้บริการ โดยหน่วยบริการดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายสำหรับการให้บริการครั้งนั้นจากกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
8. ขอบเขตของสิทธิรับบริการสาธารณสุขของบุคคลใด ต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ มติคณะรัฐมนตรีหรือคำสั่งใด ๆ ที่กำหนดขึ้นสำหรับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
ก. ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการ
ข. พนักงานหรือลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานอื่นของรัฐหรือบุคคลอื่นใดที่มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๙ ขอบเขตของสิทธิรับบริการสาธารณสุขของบุคคลดังต่อไปนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ มติคณะรัฐมนตรีหรือคำสั่งใด ๆ ที่กำหนดขึ้นสำหรับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้ใช้สิทธิดังกล่าวตามพระราชบัญญัตินี้
(๑) ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการ
(๒) พนักงานหรือลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๓) พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานอื่นของรัฐหรือบุคคลอื่นใดที่มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ
(๔) บิดามารดา คู่สมรส บุตร หรือบุคคลอื่นใดที่ได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาลโดยอาศัยสิทธิของบุคคลตาม (๑) (๒) หรือ (๓)
9. จากข้อ 8 ใครมีหน้าที่จัดการให้บุคคลดังกล่าวสามารถได้รับบริการสาธารณสุขตามที่ได้ตกลงกันกับรัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ แล้วแต่กรณี
ก. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ค. คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ตอบ ข. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
10. ใครเป็นประธานใน“คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”
ก. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ค. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
มาตรา ๑๓ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ประกอบด้วย
(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการ
(๒) ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
(๓) ผู้แทนเทศบาลหนึ่งคน องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนึ่งคน องค์การบริหารส่วนตำบลหนึ่งคน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบอื่นหนึ่งคน โดยให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภทคัดเลือกกันเอง
(๔) ผู้แทนองค์กรเอกชนซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่มิใช่เป็นการแสวงหาผลกำไรและดำเนินกิจกรรมดังต่อไปนี้ องค์กรละหนึ่งคน โดยการคัดเลือกกันเองในแต่ละกลุ่มให้เหลือกลุ่มละหนึ่งคน และให้ผู้แทนดังกล่าวคัดเลือกกันเองให้เหลือจำนวนห้าคน
(ก) งานด้านเด็กหรือเยาวชน
(ข) งานด้านสตรี
(ค) งานด้านผู้สูงอายุ
(ง) งานด้านคนพิการหรือผู้ป่วยจิตเวช
(จ) งานด้านผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเรื้อรังอื่น
(ฉ) งานด้านผู้ใช้แรงงาน
(ช) งานด้านชุมชนแออัด
(ซ) งานด้านเกษตรกร
(ฌ) งานด้านชนกลุ่มน้อย
(๕) ผู้แทน ผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุขจำนวนห้าคน ได้แก่ ผู้แทนแพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ด้านละหนึ่งคน
(๖) ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนเจ็ดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านประกันสุขภาพ การแพทย์และสาธารณสุข การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก การเงินการคลัง กฎหมายและสังคมศาสตร์ ด้านละหนึ่งคน
11. “คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี ค. 4 ปี
ข. 3 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ค. 4 ปี
มาตรา ๑๕ กรรมการตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) และ (๖) มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับเลือกหรือแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินกว่าสองวาระติดต่อกันไม่ได้
12. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ “คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”
ก. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงโทษปรับทางปกครองและการเพิกถอนการขึ้นทะเบียน
ข. กำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต และอัตราค่าบริการสาธารณสุข
ค. สนับสนุนและประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ได้ตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการ
ง. กำหนดมาตรการควบคุมและส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ
ตอบ ง. กำหนดมาตรการควบคุมและส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ
13. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของ “คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ในการควบคุมดูแลสำนักงานให้ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ก. อนุมัติแผนการเงินของสำนักงาน
ข. กำหนดนโยบายการบริหารงาน และให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานของสำนักงาน
ค. ควบคุมดูแลการดำเนินงานและการบริหารงานทั่วไป ตลอดจนออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน การติดตามประเมินผล และการดำเนินการอื่นของสำนักงาน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๙ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลสำนักงานให้ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ อำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) กำหนดนโยบายการบริหารงาน และให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานของสำนักงาน
(๒) อนุมัติแผนการเงินของสำนักงาน
(๓) ควบคุมดูแลการดำเนินงานและการบริหารงานทั่วไป ตลอดจนออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน การติดตามประเมินผล และการดำเนินการอื่นของสำนักงาน
14. ข้อใด ไม่ใช่ หน้าที่ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ก. กำหนดมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ และเครือข่ายหน่วยบริการ และกำหนดมาตรการในการดำเนินงานเกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพ
ข. กำกับดูแลหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการในการให้บริการสาธารณสุขให้เป็นไปตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด และอำนวยความสะดวกในการเสนอเรื่องร้องเรียน
ค. จัดให้มีทะเบียนผู้รับบริการ หน่วยบริการ และเครือข่ายหน่วยบริการ
ง. เก็บ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานการบริการสาธารณสุข
ตอบ ก. กำหนดมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ และเครือข่ายหน่วยบริการ และกำหนดมาตรการในการดำเนินงานเกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพ
มาตรา ๒๖ ให้สำนักงานมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน คณะอนุกรรมการของคณะกรรมการดังกล่าว และคณะกรรมการสอบสวน
(๒) เก็บ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานการบริการสาธารณสุข
(๓) จัดให้มีทะเบียนผู้รับบริการ หน่วยบริการ และเครือข่ายหน่วยบริการ
(๔) บริหารกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
(๕) จ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขตามที่คณะกรรมการกำหนดให้แก่หน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการตามมาตรา ๔๖
(๖) ตรวจสอบเอกสารหลักฐานการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ
(๗) ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนมีหน่วยบริการประจำ และการขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ รวมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทราบข้อมูลของหน่วยบริการ
(๘) กำกับดูแลหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการในการให้บริการสาธารณสุขให้เป็นไปตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด และอำนวยความสะดวกในการเสนอเรื่องร้องเรียน
(๙) ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
(๑๐) ก่อตั้งสิทธิและทำนิติกรรมสัญญาหรือข้อตกลงใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน
(๑๑) เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการในการดำเนินกิจการของสำนักงาน
(๑๒) มอบให้องค์กรอื่นหรือบุคคลอื่นทำกิจการที่อยู่ภายในอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน
(๑๓) จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับผลงานและอุปสรรคในการดำเนินงานของคณะกรรมการและคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน และเผยแพร่ต่อสาธารณชน
(๑๔) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานหรือตามที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานมอบหมาย
15. ข้อใด ไม่ใช่ คุณสมบัติของเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ก. มีสัญชาติไทย
ข. สามารถทำงานให้แก่สำนักงานได้เต็มเวลา
ค. เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
ง. ไม่เป็นผู้บริหารหรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจอื่น หรือกิจการอื่นที่แสวงหากำไร
ตอบ ค. เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
มาตรา ๓๒ เลขาธิการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) สามารถทำงานให้แก่สำนักงานได้เต็มเวลา
(๓) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
(๔) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
(๕) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๖) ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
(๗) ไม่เป็นผู้บริหารหรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจอื่น หรือกิจการอื่นที่แสวงหากำไร
(๘) ไม่เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
(๙) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
(๑๐) ไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(๑๑) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพราะทุจริตต่อหน้าที่
(๑๒) ไม่เป็นหรือภายในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนวันได้รับแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญา ผู้เข้าร่วมงาน หรือมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของสำนักงาน
(๑๓) คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
16. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 3 ปี ค. 5 ปี
ข. 4 ปี ง. 6 ปี
ตอบ ข. 4 ปี
มาตรา ๓๔ ให้เลขาธิการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
17. กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประกอบด้วย
ก. เงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ข. เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้แก่กองทุน
ค. ดอกผลหรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๓๙ กองทุนประกอบด้วย
(๑) เงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
(๒) เงินที่ได้รับจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
(๓) เงินที่ได้รับจากการดำเนินการให้บริการสาธารณสุขตามพระราชบัญญัตินี้
(๔) เงินค่าปรับทางปกครองตามพระราชบัญญัตินี้
(๕) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้แก่กองทุน
(๖) ดอกผลหรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
(๗) เงินหรือทรัพย์สินใด ๆ ที่กองทุนได้รับมาในกิจการของกองทุน
(๘) เงินสมทบอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
18. สำนักงานต้องจัดให้มีการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการแล้วประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ ถูกกล่าวไว้ในมาตราใด
ก. มาตรา 42 ค. มาตรา 44
ข. มาตรา 43 ง. มาตรา 45
ตอบ ค. มาตรา 44
มาตรา ๔๔ ให้สำนักงานจัดให้มีการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการแล้วประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เพื่อดำเนินการลงทะเบียนเลือกเป็นหน่วยบริการประจำของตนตามมาตรา ๖
19. ข้อใดคือหน้าที่ของหน่วยบริการ
ก. ให้บริการสาธารณสุข รวมทั้งการใช้วัคซีน ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการรักษาที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
ข. ให้ข้อมูลการบริการสาธารณสุขของผู้รับบริการตามที่ผู้รับบริการร้องขอ
ค. รักษาความลับของผู้รับบริการ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๔๕ ให้หน่วยบริการมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) ให้บริการสาธารณสุข รวมทั้งการใช้วัคซีน ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการรักษาที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ โดยให้ความเสมอภาคและอำนวยความสะดวกในการให้บริการสาธารณสุขที่จำเป็น ตลอดจนเคารพในสิทธิส่วนบุคคล ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเชื่อทางศาสนา
(๒) ให้ข้อมูลการบริการสาธารณสุขของผู้รับบริการตามที่ผู้รับบริการร้องขอและตามประกาศที่มีการกำหนดเกี่ยวกับสิทธิของผู้ป่วยและผู้รับบริการโดยไม่บิดเบือน ทั้งในเรื่องผลการวินิจฉัย แนวทาง วิธีการ ทางเลือก และผลในการรักษา รวมทั้งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้รับบริการตัดสินใจในการเลือกรับบริการหรือถูกส่งต่อ
(๓) ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับชื่อแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือผู้รับผิดชอบในการดูแลอย่างต่อเนื่องทางด้านสุขภาพกายและสังคม แก่ญาติหรือผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้รับบริการอย่างเพียงพอก่อนจำหน่ายผู้รับบริการออกจากหน่วยบริการหรือเครือข่ายหน่วยบริการ
(๔) รักษาความลับของผู้รับบริการจากการปฏิบัติหน้าที่ตาม (๑) และ (๒) อย่างเคร่งครัด เว้นแต่เป็นการเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
(๕) จัดทำระบบข้อมูลการให้บริการสาธารณสุข เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบคุณภาพและบริการ รวมทั้งการขอรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข
20. คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานมีอำนาจหน้าที่อย่างไร
ก. ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ
ข. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจตราและการควบคุมกำกับหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ
ค. กำหนดมาตรการควบคุมและส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๕๐ คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการตาม มาตรา ๔๕
(๒) กำกับดูแลการให้บริการสาธารณสุขของหน่วยบริการให้มีคุณภาพและมาตรฐาน ในกรณีที่หน่วยบริการนั้น ๆ มีการให้บริการในส่วนที่สูงกว่าบริการสาธารณสุขตามมาตรา ๕
(๓) กำหนดมาตรการควบคุมและส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ
(๔) เสนอแนะอัตราราคากลางของโรคทุกโรคต่อคณะกรรมการเพื่อประกอบการวางหลักเกณฑ์กำหนดค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขให้แก่หน่วยบริการตามมาตรา ๔๖
(๕) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการร้องเรียนของผู้ซึ่งถูกละเมิดสิทธิจากการใช้บริการ และวิธีพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ซึ่งถูกละเมิดสิทธิจากการใช้บริการ และกำหนดหน่วยรับเรื่องร้องเรียนเพื่อให้ประชาชนสามารถเสนอเรื่องร้องเรียนได้โดยสะดวกและเป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน
(๖) รายงานผลการตรวจตราและการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการต่อคณะกรรมการ พร้อมทั้งแจ้งหน่วยบริการและหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อปรับปรุงแก้ไขและติดตามประเมินผลในเรื่องการปรับปรุงคุณภาพและมาตรฐาน
(๗) สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจตราและการควบคุมกำกับหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ
(๘) จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ในกรณีที่ผู้รับบริการได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลโดยหาผู้กระทำผิดมิได้ หรือหาผู้กระทำผิดได้แต่ผู้รับบริการไม่ได้รับค่าเสียหายภายในระยะเวลาอันสมควรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
(๙) สนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบการเผยแพร่ข้อมูลแก่ประชาชนเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเข้ารับบริการสาธารณสุข
(๑๐) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นกำหนด ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานหรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
21. ในกรณีที่สำนักงานตรวจสอบพบว่าหน่วยบริการใดไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขที่กำหนด ต้องรายงานให้ใครทราบเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณา
ก. คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน
ข. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ค. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ตอบ ก. คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน
มาตรา ๕๗ ในกรณีที่สำนักงานตรวจสอบพบว่าหน่วยบริการใดไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขที่กำหนด ให้รายงานต่อคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณา
22. จากข้อ 16 การสอบสวนต้องกระทำให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 45 วัน
ข. 60 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ก. 30 วัน
ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานอาจแต่งตั้งไว้ล่วงหน้าเป็นจำนวนหลายคณะเพื่อให้ดำเนินการสอบสวนโดยเร็วได้
การสอบสวนต้องกระทำให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน ถ้ายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสามสิบวัน และถ้ายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จอีก ให้รายงานคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานเพื่อพิจารณามีคำสั่งให้ขยายเวลาได้เท่าที่จำเป็น